วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557


ข้าวเหนียวทุเรียน 


เมื่อเริ่มเข้าช่วงฤดู เข้าพรรษา ผลไม้ขึ้นชื่อว่าทุเรียน ได้ให้ผลผลิตตกหล่นจากต้นมาให้คนกินกัน ทั้งกินสด หรือทำน้ำกะทิ แล้วแต่ความชอบ ของคนนั้นๆ 

น้ำกระทิเรียนนั้นที่ บ้าน บิวเบสท์ เรียวกว่า น้ำทิเรียน เป็นภาษาใต้แบบบ้านๆ รสชาดไม่บ้าน 
หอมๆ หวานๆ มันๆ กลิ่นทุเรียน กะทิสด น้ำตาลทรายแดง ข้าวเหนียวนึ่งใหม่ๆ ฟิลล์เวอร์ กินแล้วอย่าลืมออกกำลังกายกันนะ

  

น้ำกระทิทุเรียนนั้นที่ บ้าน บิวเบสท์ เรียวกว่า น้ำทิเรียน เป็นภาษาใต้แบบบ้านๆ
ตอนไปซื้อพ่อค้าอย่างหล่อ


 เรามาเรียนรู้การทำน้ำกะทิ ทุเรียน กัน
ส่วนผสม

1. ทุเรียน 1 ลูก ประมาณ 1.5  กก ถ้าให้ดีต้องเป็นทุเรียนบ้าน หอมฟุ้งเชียว หมอนทองเนี้อเยอะดี
2. น้ำกะทิ 1/2  กก. 
3. น้ำตาลทราย 1/2  กก. ถ้าไม่กินหวานก็ลดได้
4. ข้าวเหนียวเขี้ยวงูใหม่  1 กก.
5. เกลือ 1 ชช.
6. รังถึง
7. หม้อสำหรับใส่

เริ่มการทำ

1. นำทุเรียนที่สุกกำลังดี มาแกะเปลือก เอาเฉพาะเมล็ด มาวางไว้ในภาชนะ



2. นำเมล็ดทุเรียนใส่หม้อ มาขยำกับน้ำตาลทราย ให้เหลือเนื้อพอเคลือบเมล็ดนิดหน่อย 
    ขยำให้มีเนี้อนิดหนึ่ง  หรือบางคนจะนำน้ำตาลาทรายละลายกับน้ำกะทิก็ได้ แล้วแต่ถนัด

 

3. เทน้ำกะทิ ใส่ในหม้อทุเรียนที่เราขยำไ้ว้กับน้ำตาลทราย ทำการคนๆ ให้เนื้อทุเรียนและน้ำกะทิ
    

เมื่อเข้ากันดี เติมเกลือ ชิมรสชาด ให้ออกหวาน มัน วางไว้รอข้าวเหนียวสุก


4. เรามานึ่งข้าวเหนียวกัน นำข้าวเหนียวมาล้างน้ำให้สะอาด แช่ไว้สัก 5 -10 นาที
5. ตั้งหม้อนึ่งให้น้ำเดือดแล้วใส่ข้าวเหนียวลงไปปิดฝา นึ่ง ประมาณ 1/2- 1 ชั่วโมง แล้วแต่ชนิดข้าว
เหนียวที่ใช้ใหม่หรือเก่า ถ้าเก่าอาจจะนานสักหน่อย ถ้าใหม่จะใช้เวลาไม่นานและกลิ่นหอม นิ่มด้วย
 

6. เมื่อข้าวเหนียวที่นึ่งสุก ก็ทำการตักมาวางไว้ให้เย็น รอกินกับน้ำกะทิทุเรียน
                                                                                                                                
                                                                                                      
7. นำข้าวเหนียวที่เย็นแล้วมาตักใส่ถ้วยแล้วราดด้วยน้ำกะทิทุเรียน กินได้แจกดี

ข้อคิด  บางคนอาจจะชอบที่นำข้าวเหนียวไปคนกับน้ำกะทิหรือที่เรียกกันว่ามูนข้าวเหนียว
แล้วปิดไว้สักพักให้น้ำกะทิเคลือบข้าวเหนียวเมล็ดแวววาว เรียกว่า (เหนียวหลบทิ)
เป็นภาษาใต้ค่า  
                            



0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น