วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

อ้อย ตาลหวานลิ้น

 

อ้อย ดับร้อน ผ่อนกระหาย ใช้ทำทั้งเครื่องดื่ม และใช้เป็นอาหารว่าง เคี้ยวเล่น และทำอาหารหวานคาวได้ด้วย เพราะ อ้อยที่ผ่านกระบวนการต่างๆแล้ว ก็กลายเป็นน้ำตาล เช่น น้ำตาลอ้อยที่มีสีและกลิ่นหอมหวาน ออกสีน้ำตาลดำ และน้ำตาลทราย แดง และน้ำตาลทรายขาว เพื่อเติมในเมนูต่างๆ ที่ขาดน้ำตาลไม่ได้ เช่นกัน ( ควรบริโภคในประมาณที่พอเหมาะ ) ลดหวาน ลดโรค

อ้อยมี 2 สายพันธุ์ อ้อยแดงใช้เป็นยา และทำอาหาร
อ้อย ต้นสีทอง ใช้ปั่นเป็นน้ำและทำน้ำตาล

**ดั่ง (บทกลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก “เพลงยาวถวายโอวาท)

*อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย 
*แม้นเจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย เจ็บจนตายเพราะเหน็บให้เจ็บใจ 
 
**ความหมาย:ไม่มีความหวานใด ๆ จะสร้างความพึงพอใจให้กับคนเรา ได้เท่ากับคำพูดหวานระรื่นหูเพียงไม่กี่คำ จากปลายลิ้นของคน และ ไม่มีอาวุธใด ที่จะฆ่าคนให้ตายทั้งเป็น ได้เท่ากับคำพูดเพียงไม่กี่คำ จากปลายลิ้นของคนอีกเช่นกัน

 

คุณสมบัติเย็น รสหวาน แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้ไอ ขับเสมหะ แก้อาเจียน ช่วยระบาย ขับปัสสาวะ แก้พิษสุรา เหมาะสำหรับผู้ที่คอแห้ง ไข้สูง ปัสสาวะเหลืองและน้อย อุจจาระแข็ง อาเจียน

ลำต้น ทั้งเปลือก ตัดข้อทิ้ง ต้มหับหัวแห้วดื่มต่างน้ำชา แก้ไอขณะออกหัด
ทำเป็นน้ำอ้อยสดๆ ดื่มแก้กระหาย 

น้ำอ้อย ผสมน้ำขิง ดื่มแก้คอแห้ง กระหายน้ำ แก้อาเจียน ผสมน้ำผึ้งในปริมาณเท่ากันดื่มก่อนนอนแก้ท้องผูก


ส้ม

 

ขึ้นชื่อว่าส้ม ก็รู้จักกันมานานเป็นผลไม้ที่กินง่าย เนื้อฉ่ำน้ำมีสีเหลือง อยู่ข้างในแยกเป็นกลีบๆ มีรสชาติเปรี้ยวหรือหวาน ตามสายพันธ์ุ มีกลิ่นหอม มีทั้งเป็นผลกินสดๆ มีทั้งแปรรูปเป็นน้ำส้มคั้นจากกล่องหรือขวด หรือนำผลส้มมาปั่นกับผลไม้ชนิดอื่นๆ ให้มีรสชาดที่หลากหลายมากขึ้น มีหลากหลายสายพันธุ์มาก ผู้อาวุโสเก่าแก่ที่ผู้เขียนได้ยินมานาน คือ 

ส้มเขียวหวาน พันธุ์บางมด มีเปลือกบาง รสหวานชุ่มคอ 
ส้มจี๊ด ขนาดเล็กกว่าส้มปกติ เปลือกบาง
ส้มแมนดารินไร้เมล็ด ขนาดเล็กกว่าส้มปกติ เปลือกบางและผิวขรุขระ ปอกง่าย หวานมาก
ส้มสีทอง เปลือกสีทองสวย ปอกง่าย
ส้มโชกุน เปลือกหนาๆ 
ส้มสายน้ำผึ้ง  มีเปลือกบาง รสเปรี้ยวอมหวาน 

คุณสมบัติ เย็นเล็กน้อย รสเปรี้ยวหวาน

เนื้อส้ม ทำไห้ชุ่มคอ แก้ไข้ ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ แก้ไอเรื้อรัง แก้กระหายน้ำ แก้ฤทธิ์สุรา แก้ท้องผูกช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง ช่วยรักษาโรคเลือดจาง ช่วยบำรุงโลหิต แก้อาเจียน แก้ปวดศรีษะ แก้โรคลักปิดลักเปิด แก้เหงือกบวม แก้เลือดออกตามไรฟัน

เปลือก เฉพาะเปลือกบดเป็นผง กินแก้จุกแน่นบริเวณท้องและหน้าอก เนื่องจากอาหารไม่ย่อย ชงดื่มต่างน้ำชาแก้เจ็บคอ 

เปลือกตากแห้งจุดไล่ยุง

เมล็ด ทุบไห้แหลกต้มน้ำเติมน้ำส้มสายชู กินบำรุงน้ำนม 

ข้อควรระวัง ผู้ที่มีอาการแน่นท้อง อาหารไม่ย่อย มีแก๊สในกระเพาะมากไม่ควรกินมาก


ข้อมูลจาก นิตยสารหมอชาวบ้าน

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563

มะพร้าว กลูโคสธรรมชาติ


ผลไม้ ก็มีสรรพคุณทางยา มะพร้าว ชาวไทยรู้จักมะพร้าวมากันตั้งแต่ตอนเด็กๆ เพราะปู่ ย่า ตา ยาย ใช้ทางมะพร้าวเขียวๆ สานเป็นปลาตะเพียน แขวนไว้ที่เปลนอน ไห้แกว่งไกวยามไกวเปล
ทางมะพร้าว ใช้ทำเป็นไม้กลัด สำหรับห่อขนมต่างๆ

เปลือกเขียว รสขม แก้ปวด ช่วยห้ามเลือด ต้มดื่มน้ำแก้เลือดกำเดา
เปลือกแก่ ใช้ทำขนมเปียก เผาไห้เป็นถ่่านสีดำ นำมาบดผสมน้ำกรองเอาแต่น้ำสีดำๆ
ใยมะพร้าว ใช้เป็นปุ๋ยไว้ ปลูกต้นไม้ ปลูกผัก  / ใช้ทำเครื่องนอน

น้ำ รสขมหวาน แก้ร้อนใน กระหายน้ำ

เนื้อ รสหวาน ช่วยขับพยาธิ

เนื้อแก่ รสหวาน มัน ใช้ทำอาหารทั้ง หวานคาว

น้ำมัน เคี่ยวให้ร้อน ทิ้งไว้ไห้พออุ่นทาแก้กลากเกลื้อน ใช้นวดคลายเส้น ใช้ในเวชสำอางค์ บำรุงผิว

ไม่ว่าอาหารที่ท่านกินจะดี รึไม่ดี จะถูกจะแพง ก็ต้องกินอย่างระวัง กินไห้พอเหมาะ เพราะไม่มีอะไรดี
ที่สุด เหมาะที่สุด ต้องกินอย่างพอดี ไม่กินเกินควร และหมั่นออกกำลังกาย


วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2563

กินผลไม้เพื่อลดไขมัน ชื่อว่าเสาวรส


เสาวรส เป็นชื่อที่คุ้นเคยกับคนยุค 4G นี้มาก เมื่อก่อนไม่มีใครสนใจ ละเลยเจ้าเถาวัลย์พันเลื้อยนี้เลย พอมียุคกระแสรักสุขภาพขึ้นมา สารพัดสารพัน ผักและผลไม้ที่มีมาแต่นมนานกาเล แต่ไม่มีใครสนใจและคำนึงถึงประโยชน์ของมันเลย

เมื่อเข้ายุคที่โรคภัยคุกคาม และมีคนสูงอายุมากขึ้น ก็มีการคิดค้นคว้า อาหารเพื่อสุขภาพกัน งัดเอาเมนูเด็ดๆ ที่ว่าดี กินแล้วช่ายลดโรค เป็นเมนูต่างๆ เฉกเช่นเดีียวกับ เสาวรส ที่มี 2 สายพันธุ์ที่ผู้เขียนเคยเห็น

ลูกที่มีเปลือกสีเหลืองๆ จะออกเปรี้ยวๆ ส่วนเปลือกสีม่วงๆ ออกรส เปรี้ยวอมหวาน  นิยมกินกับเกลือป่นสดๆ หรือจะทำเป็นเมนูน้ำปั่น หรือจะนำมาผสมกับผลไม้ชนิดอิืนๆ เป็นมิกร์สมูสตี้ผลไม้ ก็อร่อยอีกแบบ

เพิ่มคำอธิบายภาพภาพสวยๆ By nantakul


การกินสมุนไพรเพื่อลดไขมัน ลดคอเลสเตอรอลเพียงอย่างเดียว คงไม่มีทางเห็นผลร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน เราควรงดกินอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงไขมันสูงด้วยนะคะ มิเช่นนั้น เราก็ยังมีความเสี่ยงเป็นโรคที่เกิดจากการมีคอเลสเตอรอลสูง และไขมันสูงอยู่ดี เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคเส้นเลือดในสมองตีบ ทำให้เป็นอัมพาต โรคเส้นเลือดที่ขาตีบตัน และโรคเบาหวานเป็นต้น เมื่อรู้ประโยชน์ดี ๆ ของสมุนไพรไทย

        
   เสาวรส เป็นผลไม้ที่นิยมบริโภคแพร่หลายในต่างประเทศ แต่ในบ้านเรากลับไม่ค่อยนิยมนำมากินสด ๆ เหมือนกับผลไม้ชนิดอื่นเท่าไรนัก ส่วนใหญ่เราจะเห็นว่านำผลเสาวรสมาคั้นเป็นน้ำ หรือไม่ก็นำไปเป็นส่วนประกอบในอาหารชนิดอื่น ๆ เช่น ไอศกรีมเสาวรส ขนมเค้ก คุ้กกี้ เป็นต้น จากการศึกษาพบว่าวิตามินซีในผลเสาวรส มีมากกว่าในผลมะนาวเสียอีก และยังพบอีกด้วยว่า สาร Albumin homologous protein ในเมล็ด สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้ มีสรรพคุณ ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ลดไขมันในเลือด และโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้อีกด้วย 



          อย่างไรก็ตาม ผลสดของเสาวรสนั้น ยังมีข้อควรระวังอยู่ด้วย นั่นคือ ไม่ควรเคี้ยวให้เมล็ดสดแตก เพราะร่างกายจะได้รับผลข้างเคียงจากสารไซยาไนต์ในเมล็ด และอีกกรณีก็คือ ผู้ที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงควรดื่มพอประมาณ



เมื่อมีสิ่งดีๆ อยู่ใกล้ตัว ควรนำมาใช้ไห้เกิดประโยชน์แก่ตัวเอง เพื่อสุขภาพดี อาหารปลอดภัย





วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2563

 วิธีบริหาร สมองและจิตในชีวิตประจำวัน 


มาบริหารสมองกัน หน่อยคะ สมัยนี้โรคมากมาย เครียดบ้าง กังวลบ้าง คิดลบบ้าง ธรรมดาชีวิตมนุษย์ 

1. ออกกำลังกาย สัปดาห์ละ 4-5 วัน เป็นการบริหารจิตไปในตัว ระลึกถึงการเคลื่อนไหว


2. นอนหลังไห้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงการอดนอน และความเครียด

3. บริโภคอาหารสุขภาพตามโภชนาการ เพิ่มผัก ผลไม้ กินปลา ลดไขมัน และ สุรา ยาเสพติด



4. เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ฝึกใช้ความคิด เป็นประจำ


5. ฝึกสมาธิ เช่น สวดมนต์ ไหว้พระ อธิฐานจิต


6. เจริญสติ ตื่นรู้อยู่กับปัจจุบันขณะ 

 
7. ฝึกใช้ลมหายใจ ด้วยการหายใจ เข้า ออกเป็นธรรมชาติ เพียง 1-3 รอบให้บ่อยๆ

 
8. ฝึกพักใจ และสมอง ในแต่ละวัน เช่น หามุมสงบทำสมาธิ รึทำสวน ปล่อยอารมณ์ ฟังเพลง


9. เจริญปัญญา ด้วยปัญญาตน ว่าทุกอย่างล้วนเป็นอนิจัง มีการเกิด ตั้งอยู่ ดับไป เป็นธรรมดา

10. ฝึกคิดดี พูดดี ทำดี 

 
ข้อมูลจากนิตยสาร หมอชาวบ้าน  ฉบับ 485


วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563


                                                         รังเผือกทอด  


วันนี้ นำเสนอเมนูเผือก ที่ไม่เผือก ตะกร้าเผือกสวยๆ ใช้ทำเป็นภาชนะ สำหรับใส่เมนูอาหาร เช่น ยำ พล่า สลัด หรือ ทอดกรอบๆ แล้วทำน้ำจิ้มก็อร่อย ขั้นตอนก็ง่าย ปอกเปลือก หั่นฝอย ผสมแป้ง ทอดๆ  มาดูวิธีทำกันเลยคะ

ขั้นตอน
1. ปอกเปลือก แล้วล้างไห้สะอาด ซอยเป็นเส้นๆ ปริมาณตามต้องการ แล้วล้างน้ำเกลือและน้ำสะอาด ผึ่งในตระแกรงให้แห้ง

2. นำเส้นเผือกมากคลุกกับแป้ง จะใช้แป้งทอดกรอบ หรือแป้งอเนกประสงค์ก็ได้

 
3. นำถ้วยหรือชามขนาดพอเหมาะ เรียงเส้นเผือกลงไป ต้องแบบทนความร้อนเพราะต้องนำลงกระทะ

 
4. ตั้งน้ำมันไว้ทอด น้ำมันต้องท่วม ใช้ไฟแรง พอร้อนลดเป็นไฟกลาง เผือกลอยจากถ้วย นำถ้วยออก ทอดต่อจนเหลืองกรอบแล้ว ยกขึ้น สะเด็ดน้ำมัน นำไปไช้เป็นภาชนะ รองอาหาร หรือ ทำน้ำจิ้ม เป็นอาหารว่าง


  




 

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

  สาคูแท้ จากต้นธรรมชาติ  


จากต้นสาคู สู่แป้งสาคูแท้ 100 % มาจากไหน กว่าจะได้แป้งต้องทำอย่างไร 
ตอนผู้เขียนยังเป็นเด็กน้อย ประมาณ 8 ขวบ สมัยนั้นคุณตาผู้เขียนเป็นนักโค่นต้นสาคู เพราะมีต้นสาคุูอยู่ริมบ้านเยอะ ที่บ้านคุณตาอยู่ใกล้ คลอง จึงมีต้นสาคูขึ้นและเจริญเติบโต สวยงามมาก ต้นใหญ่ๆ ใบโตๆ เขียวสด และคุณยายก็เลี้ยงเป็ดด้วย สาคูเลยกลายเป็นอาหารเป็ดโดยปริยาย  
ส่วนการทำสาคูนั้น ขั้นตอนเยอะ มาดูว่าทำกันอย่างไร

ภาพจากอินเตอร์เน็ต https://www.thaimunglive.com/
ผู้เขียนจะนำร่องก่อนว่า สาคูนั้นทำอะไรได้บ้าง 
1.ใบ นำมาทำเย็บทำเป็นวัสดุมุงหลังคาบ้าน
2. ต้นแก่ นำมาทำเป็นอาหารไห้ เป็ด ไก่ โดยการนำมาขูดแยกเนื้อกับเปลือก นำมาเป็นอาหารไห้เป็ด ไก่ 
3. ต้นแก่ นำมาทำแป้งสาคู
4. ต้นแก่  นำมาผ่าเป็น ท่อนๆ ให้กวางด้วงวางไข่ เป็นตัวด้วย อ้วนกลม ขาวอวบ แสนอร่อย 
5. ยางสาคู สมัยก่อน สาวๆ เอาไปทาหน้า ไห้ขาว

ขั้นตอน มีดังนี้
1. เลือกต้นสาคูที่แก่ อวบ โต เพราะจะมีแป้งมาในต้นสาคู ได้เวลาโค่นต้นสาคู  แล้วตัดเป็นท่อนๆ พอประมาณ เพราะต้นใหญ่มีน้ำหนักมาก แบกไม่ไหว

2. นำท่อนสาคูมาฝ่าเป็นซีกแล้ว ฝนเอาเนื้อไม้ออกมาด้วย ‘เล็บแมว’ ไม้ขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือ มีด้ามจับ ตอกด้วยตะปูเรียงแถวต่อกัน แล้วถูๆ บนเนื้อสาคู จนหมดเหลือแต่เปลือก

ภาพจากอินเตอร็เน็ต https://www.thaimunglive.com/
3. นำเนื้อสาคูที่ได้ เอามา (ตำ)จนเนื้อไม้ละเอียด เตรียมกะละมังขึงผ้าขาวบางไว้ 3 ใบ สำหรับคั้นเอาเนื้อแป้งน้ำสะอาด ในการคั้นแต่ละครั้ง แป้งสาคูจะลอดผ่านผ้าขาวบางลงไปในกะละมัง ทำครบ 3 น้ำ จะได้จำนวนแป้งมาก 

 

4. ทำแป้งสาคู นำแป้งสาคูสดห่อผ้าขาวบาง ใช้ไม้ทุบพอละเอียดแล้วนำไปตากแดด ถ้าแดดจัด สองแดดก็พร้อมใช้งาน หรือเอาแป้งสาคูสดกำลังหมาดมาร่อนด้วยถาดจะได้แป้งสาคูเม็ดกลมสวย ตากแดด
 การร่อน ต้องร่อนช้าๆ ไห้เม็ดกลม ใหญ่สวย เท่าๆกัน

5. หากเป็นเศษแป้งที่แตกจาก เม็ดสาคู ก็นำมาทำเป็นแป้งขนมสาคูใส่ไส้ได้อีกด้วย ไม่เสียของ 


ข้อสังเกตผ้าขาวบางจะกลายเป็นสีน้ำตาล เพราะยางของสาคูทำให้ผ้าเปลี่ยนสี พอปั้นเนื้อไม้จนครบ 3 น้ำ ลองเปิดผ้าขาวบางออกดูจะเห็นเนื้อแป้งสาคูสด สีขาวปนน้ำตาลเนื้อนวลเนียน


ขั้นตอนการทำ มีดังนี้.