วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2558

เมนูขนมทอดขนมปาดา
เนื่องจากที่บ้านมีงานศพพ่อตา หลานๆ เลยทำขนมป้าดา แจกให้คนมาร่วมงานได้รับประทานกัน 
ช่วยๆกันหลายๆ คน กว่าจะเสร็จ ทั้งขยำแป้ง และผัดใส้ เหนื่อยยังไง ก็ปลื้มใจที่คนกินบอก อร่อย
 
    ขนมปาดาที่บ้านฉันเขาเรียกอย่างนี้ เป็นขนมพื้นถิ่น แต่ที่อื่นไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร มีหรือไม่มี
 
ขนมปะดาหรือปาดา นั้นเป็นขนมที่มีแป้งข้าวเจ้า กล้วยน้ำว้าสุก ขยำเป็นตัวแป้ง
 
มีใส้มะพร้าวทึนทึกผัดกับพริกแกง ใส่กุ้งนิดหน่อย ออกเผ็ดหน่อยๆ  มาดูว่ามีอะไรบ้าง
 
แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยนิยมเจาะรูกันสักเท่าไหร่ เพราะเจาะไม่ดีไส้ทะลักออกมา ทำให้น้ำมันสีดำเร็ว 
 

ส่วนผสมตัวแป้ง
แป้งข้าวเจ้า 2 กิโลกรัม
กล้วยน้ำว้าสุก 3-4 หวีเล็กๆ

 
ส่วนผสมของใส้
มะพร้าวทึนทึกขูด 1 กก.
พริกแกงขนมปาดาเพิ่มเผ็ด พริกไทย 20 บาท  (เครื่องน้ำแกงหวานขนมจีน)
น้ำตาลปี๊บ 1/2 กก. น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันสำหรับทอด
กะทะ 
ไม้แหลมสำหรับเขี่ยขนมในกะทะ
ถ้วย
ผ้าขาวบาง
น้ำเปล่า

วิธีทำสูตรโบราณ

1. นำข้าวสารมาแช่น้ำไว้ประมาณ 2 -3 ชั่วโมง ล้างให้สะอาดประมาณ 2-3 น้ำ พักให้หมาด

 
2. นำข้าวสารไปโม่เป็นแป้ง แล้วใช้ผ้าขาวบางนำมารับน้ำแป้ง โม่ให้หมดแล้วมัดผ้าให้แน่น 

3. นำแป้งไปทับไว้ โดยใช้ของหนักๆ วางทับบนผ้า ประมาณ 4-5 ชั่วโมงให้แป้งแห้งสนิท

 
4. เมื่อแป้งแห้ง นำกล้วยมาคลึงเบาๆ หรือนำเข้าเครื่องปั่น ปั่นให้ละเอียดแล้วนำมาขยำกับแป้งให้เข้ากันดี เติมผงฟูเพื่อให้พองตัว 1 คืน (กล้วยยิ่งเยอะยิ่งอร่อย)

 

ทำไส้ขนม
1. นำมะพร้าวทึนทึกมาขูดด้วยกระต่าย จะได้ไส้ที่ไม่แข็ง ถ้ามะพร้าวแก่ไปไส้จะไม่อร่อย
 


 
 
2.ตั้งกระทะ เติมน้ำ เติมน้ำตาลปี๊บ และน้ำตาลทราย ตั้งให้เดือด เติมเครื่องแกง และมะพร้าวลงไป
ผัดให้เข้ากัน เติมเกลือนิดหน่อย เติมกุ้งแห้ง 

 
3. ผัดให้เข้ากัน ชิมรสชาด โรยด้วยใบมะกรูดอีกนิดหน่อย ก็จะได้ใส้ขนมปาดา เมื่อได้รสชาดที่ถูกใจแล้วก็ยกลงจากเตา รอให้เย็น

 

ขั้นตอนการทอด


1. นำถ้วยขนมหวานหรือถ้วยตราไก่ มาวางคว่ำเอาท้ายถ้วยเป็นพิมพ์สำหรับแป้งขนม 
แล้ววางผ้าขาวบางลงบนท้ายถ้วย ใส่น้ำเล็กน้อย เพื่อไม่ให้แป้งขนมติดผ้า

 

2. ตักเนื้อแป้งขนมมา 1 ช้อนโต๊ะ  หยอดรอบก้นถ้วยตักใส้ใส่ แล้วหยอดแป้งทับรอบวงกลมอีกครั้ง 
ดึงชายผ้าม้วนขึ้นให้กลมสวย ใช้นิ้วจิ้ม เจาะเป็นรูตรงกลาง


3.นำกะทะตั้งไฟเติมน้ำมันรอจนน้ำมันเดือด เมื่อน้ำมันเดือด นำแป้งขนมที่เราใส่ใส้ไว้แล้วลงไปทอด ทอดทีละด้านจนสุกพลิกกลับอีกด้าน

 


5. ทอดจนสุกทั่วกัน วางบนตะแกรงจนสะเด็ดน้ำมัน แล้วรองด้วยกระดาษซับมันอีกชั้น ขาย 
กินตามสะบาย


6. ลักษณะสีของขนม ขึ้นอยู่กับตัวแป้ง และกล้วย ถ้ากล้วยสุขมากจะดูเหมือนสีน้ำตาลเคลือบขนม 
ถ้ากล้วยพอสุก เนื้อขนมจะเกลี้ยง สีนวลๆ ไม่ฉ่ำเยิ้ม


  









0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น