วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ยาสมุนไพรลดน้ำตาล แก้เบาหวาน



ยาแพทย์แผนไทย เป็นสุูตรยาของ หมอน้อย 
คุณหมอบุญยืน ผ่องแผ้ว ครูแพทย์แผนไทย  ใช้กินลดน้ำตาลในเลือด ช่วยบำรุงตับ 


เป็นยาแพทย์แผนไทย ฉันได้อ่านเจอใน นิตยสารชีวจิต เป็นสุูตรยาของ หมอน้อย 
คุณหมอบุญยืน ผ่องแผ้ว ครูแพทย์แผนไทย  ใช้กินลดน้ำตาลในเลือด ช่วยบำรุงตับ แต่กินร่วมกับยาแผนปัจจุบันได้ ไม่เป็นปัญหา ช่วงที่กินต้องคอยตรวจน้ำตาลในเลือดว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่ ถ้าน้ำตาลน้อยกว่าเกณฑ์ต้องหยุด

"เบาหวานมีมาแต่โบราณกาลเลยนะ  ฉันเกิดมาก็ได้ยินปู่ย่าตายายบอกว่าป่วยเป็นเบาหวานต้องไปหาหมอแล้ว แต่คนสมัยนี้เป็นต้ังแต่อายุน้อยๆ คนไข้ที่มาให้ฉันรักษา
อายุแค่ 30 กว่าๆ ก็เป็นแล้ว ยิ่งอ้วนยิ่งเป็นง่าย" หมอน้อยบอก  



เป็นแคปซูล  
สูตรยามีดังนี้
ตัวยา ต้นพญามือเหล็ก หญ้าหมอน้อย หญ้าลูกใต้ใบ ทุกอย่างบดละเอียด อย่างละ 1 ส่วน

วิธีปรุง
ผสมตัวยาทุกอย่างเข้าด้วยกันบรรจุแคปซูลเบอร์ 0 

วิธีใช้ 
กินครั้งละ 3 เม็ด   ก่อนอาหาร เช้า-เย็น


เป็นยาต้ม
สูตรยามีดังนี้
ตัวยา ต้นพญามือเหล็ก หญ้าหมอน้อย หญ้าลูกใต้ใบ ทุกอย่างบดละเอียด อย่างละ 1 กำมือ 
น้ำสะอาด 1 ลิตร เกลือป่นเล็กน้อย

วิธีปรุง
ต้มสมุนไพรทุกชนิดกับน้ำสะอาดให้เดือด ใส่เกลือลงไป เคี่ยวต่ออีก 15 นาที

วิธีใช้ 
ดื่มครั้งละ 1 แก้ว  ก่อนอาหาร เช้า-เย็น


ต้นใต้ใบ ก้านสีแดง


ต้นใต้ใบ ก้านสีขาว
ชื่ออื่น ไฟเดือนห้า มะขามป้อมดิน หน่วยใต้ใบ หมากไข่หลัง


ชื่ออื่น  หญ้าละออง หญ้าดอกขาว  หญ้าหมอน้อย  , ก้านธูป ต้นก้านธูป ดอกสีชมพู



 ชื่ออื่น หญ้าสามวัน (เชียงใหม่), เสือสามขา (ตราด), ถั่วแฮะดิน ฝรั่งโคก (เลย)  ดอกสีขาว



ชื่ออื่น   พญามูลเหล็กย่ามือเหล็ก (กระบี่)กะพังอาดเสี้ยวดูก (เหนือ) 

หมอน้อย หรือหมอบุญยืน ผ่องแผ้ว เคยได้รับรางวัลหมอพื้นบ้านในดวงใจ จากนิตยสาร ชีวจิต
เมื่อพ.ศ. 2549
ขอบคุณนิตยสารดี ดี ที่ทำให้คนหมดหวังได้มีกำลังใจลุกขึ้นมาใหม่

 ภาพจากอินเตอร์เน็ต เรียบเรียง โดยบ้านบิวเบส์ท
หมูผัดเคยบ้านหัวพาน


เบื่อๆ อาหารไม่รู้จะทำอะไรกินดี นึกเมนูขึ้นมา แว๊บ แว๊ป หมูผัดเคยดีกว่า มาดูว่ามีอะไรมั่ง

ส่วนผสม

หมูสามชั้นหั่นพอคำ 1/2 กิโลกรัม
กระเทียมปอกเปลือก 2 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนู 2 ช้อนโต๊ะ เพิ่มลดตามชอบ
กะปิอย่างดี 2 ช้อนโต๊ะ เพิ่มลดตามชอบ
น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ เพิ่มลดตามชอบ
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ


ล้างเนี้อหมูนำมาหั่นหมูชิ้นพอคำ แยกเนื้อขาวและเนื้อแดงเอาไว้


ตั้งกะทะให้ร้อน ใส่น้ำมันพืชลงไป


ใส่หมูเนื้อขาวลงไปผัดก่อน


พอเริ่มแตกมันใส่หมูเนื่้อแดงลงไป แต่บางคนใส่เครืองปรุงลงไปก่อนแล้วใส่หมูตามลงไป
ตำกระเทียม พริกขี้หนู น้ำตาล กะปิ ให้เข้ากันดี ใส่ลงในกะทะผัดให้เข้ากันดี 
เติมน้ำปลาได้ถ้ารสชาดยังไม่เข้าที่   

                                          

                                                                          ชิมรส ตักขึ้นใสจาน 
                                             กินคู่ผักเหนาะ  บ้านๆ ลูกฉิ่ง มะเขือ ยอดหมุย ยอดยาร่วง




                                                                ข้าวสวยร้อนๆ สักจาน

แกงเลียงบอน (บอนคัน)


ตอนก่อนน้ำท่วม ฝนตกหนักๆ ต้นบอนเจริญเติบโตเร็วมาก มีให้เห็นเกลื่อนกลาดที่ห้วย หนอง คลองบึง คุณสามีจัดการนำมาทำแกงส้มกับปลาช่อนและ แกงเลียงส้มกินกัน อร่อยแบบบ้านนอกจ้า
 อยู่แบบพอเพียงจึงเพียงพอแบบคนบ้านนอก สบายๆ ไร้สารพิษอีกต่างหากจ้า

มะขามช่วงนี้ก็เป็นฝักขนาดพอเหมาะ ทั้งแกง ทั้งตำน้ำพริกมะขาม แถมแกงเลียงบอนด้วย

กอใหญ่ๆ ต้นอวบๆ  ข้างๆคู ข้างคลอง

ริมคลอง มีอยู่ดาษดื่น

บอนคันนี้ถ้าทำไม่ดี หรือทำไม่เป็นก็จะคันปากกินไม่ได้ กันเลยทีเดียวเชียว 
โบราณเขาบอกวิธีแกงไว้ว่า แกงบอนหย่อนเคย แกงหยวกบวกเคย(กะปิ)
มันมีที่มาที่ไปว่า แกงบอนหย่อนเคย เพราะเวลาแกงบอน ใส่เคยมากจะเหม็น กินไม่ได้
แกงหยวกบวกเคย เพราะเวลาที่แกงหยวกจะทำให้น้ำแกงกร่อยไปนิด จึงใส่เคยมากหน่อย
เคยในที่นี้คือ กะปิ 

ส่วนผสม 

บอนหั่นท่อนๆ    2   ต้น
มะขามสด        1   ฝักใหญ่ๆ
กะปิ เกลือ น้ำตาล

วิธีทำ

ทำการตัดต้นบอน ตัดใบทิ้ง แล้วทำการบิดต้นบอนเพื่อไม่ให้คัน เพราะน้ำในต้นบอนออก 
กาบจะแห้งไม่คันมือหรือคันคอจ้า


เมื่อตัดต้นบอนมาก็ทำการบิดเอาน้ำยางคันๆ ออกให้หมด (สามีเป็นคนทำ) บิด บิด บิด เป็นเกลียว
แอบมีฟากไม้หมากด้วย เป็นร้านนั่งชิว ชิว
                                                

ทั้งต้นอ่อนข้างใน ต้นแก่ข้างนอก เมื่อบิดแล้ว วางไว้สักพักประมาณ 10 นาทีหรือน้อยกว่านั้น

  

ทำการลอกผิวเปลือกด้านนอกสีเขียวๆ ออกให้หมด ถ้าไม่หมดจะทำให้คันได้


ผิวขาว เกลี้ยวเกลา


หั่นเป็นท่อนๆ ประมาณ 2 ข้อมือ ล้างน้ำผ่านเร็วๆ เพื่อไม่ให้คันมือ ตั้งให้สะเด็ดน้ำ
แกงกับมะขามสด 1 ฝักใหญ่ๆ 


ตั้งน้ำแกงเลียงหม้อขนาดเบอร์ 16 ใส่น้ำ1/2 หม้อ ใส่กะปิ 1 ช้อนชา น้ำตาล 1 ช้อนชา
เกลือ 1/2 ช้อนชา หรือกะๆเอา ตามสะดวก
ตั้งให้น้ำเดือด การตั้งน้ำแกงบอนนั้นต้องใส่น้ำให้มากหน่อย ถ้ากินไม่หมดเผื่อไว้อุ่น 
เพราะตอนเราอุ่นไม่สามารถเติมน้ำได้ จะทำให้คันในคอ  


เตาแก๊สอันทันสมัยในบ้านหมด 555 ทำนอกบ้านใช้แก๊สปิกนิคยุคประหยัด 
เมื่อน้ำเดือดชิมรสชาดได้ที่แล้ว เค็มนิดๆ หวานหน่อยๆ ใส่บอนลงไป


ต้มสัก10 นาทีใส่มะขามสดลงไปต้มด้วย  


เมื่อบอนและมะขามเริ่มสุก 


ตักฝักมะขามขึ้น มาขยำเอาแต่น้ำ โดยการตักน้ำแกงเลียงนั้นแหละมาใส่ในมะขามที่จะขยำเน้นเอาเปลือกนอก และ เมล็ดออก แล้วเอาน้ำมะขามใส่กลับไปในหม้อแกงเลียง  
ถ้ายังไม่เปรียวก็ใส่มะขามเพิ่มลงไปต้มใหม่ ห้ามเติมน้ำ


ต้มต่อให้บอนสุก


จนเปื่อย ทั้งต้นและยอดอ่อน เป็นการแก้ไม่ให้บอนคัน


ยกลง รสชาด เปรี้ยวๆ  หวานๆ  เค็มนิดๆ  ซดคล่องคอดีแท้


                                              กินกับปลาอินทรีย์เค็มทอด อร่อยเหาะ 

        ข้าวสวยร้อนๆ พร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัว ไม่มีอะไรจะสุขไปกว่ากินข้าวพร้อมหน้ากัน

วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2557

แกงไตปลา /พุงปลา บ้านบ้าน

 



นี่ก็เป็นเมนูใต้อีกเมนู ที่ขึ้นชื่อเหมือนกัน เบื่อๆ เซ็งๆ ไม่รู้จะแกงไรกิน มาแกงพุงปลากินกัน
แบบแซ๊บแซบ ประสาคนบ้านนอก เก็บผักเก็บหญ้าริมทางที่ปลูกไว้ มาต้ม ยำ ทำกิน ยามไม่มีอะไรจะทำกิน ก็มาผสมปนเปกัน เป็นแกงบ้าง แกงเลียงบ้าง ผักเหนาะบ้าง ตามแต่จะทำกิน

 


ส่วนผสม

พุงปลาดอง 1 ถุงหรือขวด 10 บาท (มีทั้งพุงปลาช่อน พุงปลาลัง ) เลือกตามชอบ

 
เดี่ยวนี้มีผักที่แม่ค้าทำเป็นถุงๆ แล้ว ถุงละ10 บาท มี มะเขือ น้ำเต้า(ฟักทอง) ถั่วฝักยาว มันเทศ 

ปลาย่าง 1 ตัว แกะเอาแต่เนื้อ
เครืองแกงพุงปลา 10 บาท หรือเครื่องแกงกะทิเพิ่มพริกไทยลงไป


วิธีทำ

1. ก่อนอื่นต้องเตรียมหม้อเติมน้ำ ใส่ใบมะกรูด ตะไคร้ทุบๆ  (แก้คาว) ต้มพุงปลา ไม่มีไม่ต้องใส่ก็ได้

  
รอให้น้ำเดือดเท พุงปลาลงไปต้มจนละลายหมด เทใส่กระชอนกรองเอาแต่น้ำใส่หม้อ 

 
2. แล้วนำหม้อที่ใส่พุงปลาที่กรองแล้ว มาตั้งไฟ ให้เดือด 

 
 
  3.ใส่เครื่องแกง และผักที่เตรียมไว้ เช่นมะเขือ ถั่วฝักยาว มันเทศ และปลาย่างลงไป


4. เมื่อแกงส่งกลิ่นหอม เติมมะขามเปียกไปสัก 1-2 ช้อนโต๊ะ เพิ่มรสเปรี้ยวนิดๆ น้ำตาล 1 ช้อนชา 
หวานหน่อยๆ ลดเค็มของพุงปลา เพราะผักก็มีรสหวานอยู่แล้ว
 
5. เมื่อแกงทุกอย่างสุกได้ที่ ใส่ใบมะกรูดถ้ามี ยกลงจากเตา ตักใส่ถ้วย รับประทาน

 

 รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ แกล้มผักเหนาะ ไม่ว่า มะเขือ หรือผักสด

 
 มะเขือ หรือผักสด

 
แตงกวา

  สะตอ ลูกเหรียง ลูกเนียง
  

 ลูกเนียงหมาน ของคู่กันกับแกงพุงปลา ตามใจชอบ