วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สุดยอดอาหารโพรไบโอติก  ข้าวหมากไทย

ขอกล่าวถึงแป้งข้าวหมากสักหน่อยค่า เนื่องจากผู้เขียนนั้นอยู่ใกล้ชิดกับปู่และย่า ซึ่งคนสมัยก่อนนั้น 
การทำข้าวหมากนั้นง่ายดายเสียเหลือเกินแล้วก็ทำกินเป็นประจำ แถมรสชาด หวาน หอม อร่อย  
เพราะว่าไม่มีขนมที่ขายอย่างสมัยนี้ คนเฒ่าคนแก่ ก็ทำกินกันเอง ไม่ต้องพิธีรีตองมาก เดี๋ยวเดียวก็ได้กิน ซึ่งก็สังเกตุการกินของปู่และย่าว่า ท่านไม่ค่อยเจ็บป่วยอะไรเลย แปลกแต่จริง ท่านกินข้าวหมากบ่อยๆ แถมความจำก็ดีเลิศ ไม่ค่อยหลงๆ ลืม หูตาก็ดี อ่านหนังสือ ปร๋อ มีบ้างบางครั้งที่เป็นอาการของคนแก่ ถ้าร้อนมาก ก็ ต้มถั่วเขียวกิน หรือไม่ก็ ต้มลูกเดือยกิน ง่ายๆ สบายๆ อย่างพอเพียง
ผู้เขียนก็ทำเป็น ครูพัก ลักจำเอา ทำกินเป็นประจำเมื่อมีโอกาส แต่ตอนนี้หาลูกแป้งที่อร่อยยาก 
เลยซื้อกินเอา เลือกเจ้าที่สะอาด และเจ้าประจำ รสชาดจะได้ไม่เปลี่ยน อร่อยเหมือนเดิม

แต่รู้หรือไม่ว่า ข้าวหมากของไทยเรา นั้นเป็น สุดยอดโพรไบโอติกไทย เพราะข้าวหมากมี
จุลินทรีย์โพรไบโอติก ที่ดีต่อสุขภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย

บังเอิญผู้เขียนไปอ่านเจอในนิตยสารชีวจิต พอดี อาจารย์ ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนาวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เขาอภิบายไว้ว่า จุลินทรีย์โพรไบโอติกในประเทศไทยนั้นได้แก่ ปลาร้า ผักดอง และข้าวหมาก ซึ่งเป็นจุลินทรีย์สายพันธุที่มีชีวิตและเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เมื่อกินเข้าไปแล้ว เชื้อจุลินทรีย์จะอาศัยอยุ่ในลำไส้ใหญ่เพื่อช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่เดิมให้มีจำนวนมากขึ้น อีกทั้งช่วยลดจำนวนแบคทีเรียที่ไม่ดีลง ส่งผลให้การทำงานของลำไส้ดีขึ้น
การที่จะมีจุลินทรีย์เจริญเติบโตได้ดีนั้นต้องมี พรีไบโอติกซึ่งเป็นอาหารสำหรับเชื้อจุลินทรีย์โพรไบโอติก เช่น ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วดำ ธัญพืชต่างๆ หน่อไม้ฝรั่ง กล้วย กระเทียม เป็นต้น



การทำข้าวหมากนั้นผู้เขียนได้เขียนไว้แล้วใน สูตรการทำข้าวหมาก แต่นี้เป็นการ ให้ข้อมูลว่า
ข้าวหมากนั้นดีอย่างไร ทำไมมีมาแต่โบราณ แต่ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน เพราะการทำข้าวหมากนั้นเป็นการถนอมอาหารที่ยืดอายุข้าวเหนียวที่กินไม่หมดให้มีกินนานขึ้น หรือให้มีรสชาดที่ดีขึ้น
เพราะข้าวหมากนั้น มีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ซึ่งเกิดจากกระบวนการหมักเชื้อจุลินทรีย์ ดูตามรส


รสหวาน  กินแล้วหวานละมุนลิ้น ซึมไปทั่วร่างกาย ช่วยบำรุงธาตุดิน ให้สมบูรณ์ เพิ่มพลังงานขับเคลื่อน

รสเปรี้ยว เพิ่มการไหลเวียนโลหิต ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานดีขึ้น ขับเสมหะ บำรุงธาตุให้สมดุลแก่ร่างกาย และกินได้ตั้งแต่เด็ก จนถึงวัยผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ ยิ่งบางคนแช่ให้เย็นเจี๊ยบ ก็อร่อยไปอีกแบบ

เด็กที่ร่างกายผอมแห้ง  เมื่อกินข้าวหมากแล้วจะทำให้แข็งแรง เติบโตได้สมวัย

ผู้หญิงสาว  เมื่อกินข้าวหมากแล้วทำให้หุ่นดี ผิวพรรณสวยงาม มีน้ำมีนวล มีเลือดฝาด

หญิงมีครรภ์  เมื่อกินข้าวหมากแล้วทำให้กินอาหารได้อร่อยขึ้น ลดอาการแพ้ท้อง แต่อาจไม่ทุกคน

ผู้สูงอายุ  เมื่อกินข้าวหมากแล้วทำให้สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย

คนที่มีปัญหาระบบขับถ่าย  เมื่อกินข้าวหมากแล้ว จะช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น
ระบบขับถ่ายทำงานปกติ

เมื่อกินข้าวหมากหลังมื้ออาหารหลัก จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดียิ่งขั้น
 ลดอาการท้องอืด อึดอัดท้อง แน่นท้อง
แต่หากทิ้งข้าวหมากไว้เป็นเวลานานเกินไปจะทำให้บูด เสีย ทำให้เกิดเชื้อราตามมาได้

 

สำหรับคนสมัยนี้อาจารย์ฉัตรภา ได้กล่าวไว้ว่า ประโยชน์ของข้าวหมากในแง่โภชนาการ
และประโยชน์ ต่อสุขภาพว่า

ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน  ทำให้ร่างกายแข็งแร็ง ไม่เป็นหวัดง่าย

มีวิตามินบี  ช่วยบำรุงประสาท ทำให้ความจำดี ลดอาการความจำเสื่อม

ทำให้ระบบย่อยอาหารดีข่ึ้น  เนื่องจากมีจุลินทรีย์เข้าไปช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในร่างกาย

ระบบขับถ่ายทำงานปกติ  ลดอาการท้องผูก แก้อาการท้องเสีย เนื่องจากมีจุลินทรีย์เข้าไปเพิ่ม
 ใยอาหาร

ช่วยควบคุมระดับไขมัน  ลดการดูดซึมใขมันในร่างกาย ทำให้ไม่มีภาวะไขมันในเลือดสูง

ป็นทางเลือกสำหรับคนแพ้นม กินข้าวหมากเพื่อช่วยย่อยน้ำตาลแล็กโทส ในน้ำนมได้เช่นกัน

แต่ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรกินในปริมาณมาก ก็จะดีต่อสุขภาพของตัวเอง

ข้อมูลจากนิตยสารชีวจิต  เรียบเรียงโดยบ้านบิวเบสท์


6 ความคิดเห็น :

  1. แล้วคนที่เป็นเบาหวาน ระดับน้ำตาลในเลือดประมาณ130-180 สามารถทานได้ปะครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ทานได้คะ แต่ต้องลดปริมาณ และ อย่ากินบ่อย เพราะน้ำตาลอาจเพิ่มได้

      ลบ
  2. แล้วพวกที่เป็นเบาหวาน130-180ทานได้ไหมครับ

    ตอบลบ
  3. แล้วพวกที่เป็นเบาหวาน130-180ทานได้ไหมครับ

    ตอบลบ
  4. แล้วคนที่เป็นเบาหวาน ระดับน้ำตาลในเลือดประมาณ130-180 สามารถทานได้ปะครับ

    ตอบลบ