วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559

แก้วมังกรและประโยชน์


 
เมื่อไม่นานมานี้มีกระแสข่าวเรื่อง ทานแก้วมังกรแล้วลดน้ำหนักได้ เราๆท่านๆ ก็แห่แหนกันไปซื้อมารับประทานกัน ซื้อมาแล้วตอนแรกก็ยังแอบ งงๆ สักนิดว่าเราเคยเห็นเนื้อสีแดงๆ แต่ทำไมเราซื้อมาเนื้อถึงสีขาว กินไปสักพักก็รู้ว่า เพราะแก้วมังกรมีเนื้อทั้งสีขาวและสีแดง นี่เอง 

มาดูข้อดีๆกัน ว่าทำไมทานแล้วจึงอิ่นน้าน นาน**แก้วมังกร จัดว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพชนิดหนึ่งเพราะเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพของคุณผู้หญิงที่รักสวยรักงาม 
แก้วมังกรมีแคลอรี่ต่ำเป็นตัวช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดีและเป็นผลไม้ที่มีเนื้อเยอะ ทานแล้วอิ่มท้องนาน

 
แก้วมังกร ผลไม้ที่มีรูปร่างกลมรี เปลือกมีสีแดง เมื่อผ่าครึ่งจะเห็นเนื้อเป็นสีขาวหรือแดงทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์นั้น ๆ มีเมล็ดคล้ายเมล็ดแมงลักฝังอยู่ทั่วผล โดยแก้วมังกรจะมีสายพันธุ์ดังนี้คือ 

แก้วมังกรพันธุ์เนื้อขาว จะให้รสชาติหวานนิด ๆ อมเปรี้ยวหน่อย ๆ
แก้วมังกรพันธุ์เนื้อแดง มีรสชาติหวานกว่าพันธุ์อื่น ๆ วิธีการรับประทานก็รับประทานแค่ผ่าเป็นเสี้ยวก็รับประทานได้แล้ว เพราะเปลือกแค่ลอกออกมาง่ายดาย
 

แก้วมังกร เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด อย่างเช่น วิตามินซี วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 ธาตุแคลเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เป็นต้น ถ้ารับประทานแก้วมังกร 1 ลูก น้ำหนัก 100 กรัม 

ร่างกายจะได้ คาร์โบไฮเดรต 12.4 กรัม โปรตีน 1.4 กรัม ฟอสฟอรัส 32 มิลลิกรัม แคลเซียม 9 มิลลิกรัม วิตามินซี 7 มิลลิกรัม พลังงาน 66 กิโลแคลอรี่ และใยอาหาร 2.6 กรัม และสารอื่น ๆอีกด้วย



ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ชุ่มชื้น
เป็นผลไม้ที่ช่วยดับร้อน ดับกระหายได้เป็นอย่างดี
ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรง
แก้วมังกรลดน้ำหนักและช่วยควบคุมน้ำหนักได้ด้วย เนื่องจากเป็นผลไม้ตัวช่วยในเรื่องการลดความอ้วนเนื่องจากมีแคลอรี่ต่ำ
ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งมีส่วนช่วยในการชะลอวัยความแก่ชรา และริ้วรอยต่าง ๆ
มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ
ช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ
มีส่วนในการช่วยรักษาโรคเบาหวาน
ช่วยบรรเทาอาการโรคความดันโลหิตได้
มีส่วนช่วยบรรเทาอาการของโรคโลหิตจาง
มีส่วนช่วยลดอัตราการเกิดโรคมะเร็ง

วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559

กล้วยแขก

กล้วย กล้วย แขก อินิฉานไม่ใช่แขก แต่ทำไมถึงเรียก กันว่า กล้วยแขก เออนะใครรู้กันบ้างละค่ะว่าทำไมเรียกว่า กล้วยแขก แต่กล้วยไทยก็มีนะจ๊ะนายจ๋า จะทอดแบบหวานๆ ไม่ต้องใส่มะพร้าวขูด 
แต่มีน้ำตาลเติมลงไป ขยำกับแป้งสำหรับทอด แต่กล้วยแขกนี้ต้องเห็นมะพร้าวขูดห่อหุ้มกล้วยให้ได้เห็น


กล้วยที่จะเอามาทำกล้วยแขกแล้วอร่อย หวานนุ่มกำลังดี  เปลือกกล้วยจะต้องออกสีกระดังงาหน่อย
กล้วยน้ำว้าเท่านั้นที่นิยมทำกัน เมื่อก่อนทำกินกันตอนยังเป็นเด็ก ก็ยังไม่มีแป้งสาลีให้ผสม 
ต้องบดข้าวสารกับครกบดแบบโบราณ  

ส่วนผสม

กล้วยน้ำว้าห่าม 1 หวี ถ้าลูกโตหั่นเป็น 3 ชิ้น
มะพร้าวค่อนข้างแก่ 1 ถ้วยตวง
แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง
แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย  3 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น  ½ ชอนชา
งาคั่ว      2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปูนใส ½ ถ้วยตวง ให้แป้งกรอบนาน
น้ำมันพืชพอประมาณ

วิธีทำ 


1. นำแป้งข้าวเจ้า แป้งสาลี เกลือ มะพร้าวขูด ผสมให้เข้ากัน ใส่น้ำปูนใส แล้วนวดต่อ ใส่งาลงไปคลุกเคล้าให้ทั่ว


2. ตั้งกระทะไฟปานกลาง ใส่น้ำมันกะให้ท่วมกล้วยที่จะทอด ปริมาณมากหน่อย เมื่อน้ำมันร้อน

3. นำกล้วยที่หั่นตามยาวประมาณ 3 - 4 ชิ้น ต่อ 1 ลูก (ลูกใหญ่หรือลูกเล็ก) ประมาณเอา

 
4. นำกล้วยลงไปชุบแป้งที่ผสมไว้ ในอ่าง หรือ กะละมัง
5. เมื่อน้ำมันเดือดได้ที่ นำกล้วยที่คลุกแป้งแล้ว ลงทอดจนแป้งเหลืองกรอบ และเนื้อกล้วยสุก
6. ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมันก่อนแล้วนำไปวางไว้ที่กระดาษซับมัน ก่อนรับประทานหรือขาย ใส่ถุง

รองด้วยใบตองอนุรักษ์ ธรรมชาติ ยิ่งทำให้ขนมน่ารับประทานยิ่งขึ้น เพราะปลอดสารพิษ

*********************
ปล.. *** มันทอด เผือกทอด ฟักทองทอด กล้วยตากทอด ใช้สูตรเดียวกับกล้วยทอด ***
 



วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2559


  ไข่ตุ๋น
 

ไข่ตุ๋น เป็นเมนูที่มีประโยชน์และมีโปรตีนสูง พ่อบ้านชอบทำให้รับประทานเสมอ มีฝีมือนะนี่สามีเรา หรือว่าเพราะเห็นว่าเมียและลูกชอบกินกัน เลยทำให้เป็นประจำ อีกอย่างที่บ้านก็เลี้ยงไก่ไว้กินเองด้วย
ปลอดสารพิษแน่นอน เพราะให้ไก่กิน หยวก รำ และผักตำลึง ริมรั่ว
เรามารู้จักการทำไข่ตุ๋นและวิธีการทำไข่ตุ๋นกันเลยค่ะ

ส่วนผสม

1.ไข่ไก่ 1 ฟอง
2. น้ำซุป 1 ถ้วยตวง (หรือ 3เท่าของไข่)
3. ซีอิ้วขาว 2 ช้อนชา
4. ซุปก้อนสำเร็จรูป ครึ่งก้อน
5. เห็ดหอม กุ้งสด ปูอัด แครอท หรือเครื่องเคียงต่างๆ ตามความชอบ
6. ต้นหอมซอย ผักชี (ไว้โรยหน้า)  อย่างละ 1 ต้น


วิธีทำ

1. เตรียมน้ำซุป ใช้ซุปก้อนผสมกันน้ำร้อน แล้วพักไว้ให้เย็น

2. จากนั้นนำไข่ไก่ไปตอกลงในชามใหญ่พอประมาณ แล้วตีไข่ไก่ให้เข้ากัน เติมน้ำเปล่า คนให้เข้ากันเบาๆ ด้วยตะเกียบ ไม่ต้องตีแรงจะมีฟองอากาศทำให้เนื้อไข่ไม่เนียน

3. เติมน้ำซุปลงไปพร้อมกับปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว คนให้เข้ากันอีกครั้ง คนส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วจึงนำไปเทใส่ถ้วยที่จะใช้สำหรับนึ่ง และเราก็ต้องกรองผ่านกระชอนเพื่อที่จะเอาฟองและเยื่อไข่ออก

4. นำพลาสิกที่สามารถกันความร้อนได้มาปิดปากชาม เพื่อป้องกันไม่ให้ไอน้ำซึมลงไปในไข่เราก็จะได้ไข่ตุ๋นที่เนื้อเนียนนุ่ม

5. นำไปนึ่งในหม้อในขณะที่น้ำกำลังเดือด ใช้เวลาในการนึ่งประมาณ 20-25 นาที นึ่งด้วยไฟอ่อนๆ
 
6. เมื่อไข่เริ่มจะสุกก็ใส่เครื่องเคียงวางไว้ด้านบน รอเวลาไข่สุก 10-15 นาที

**วิธีเช็คให้เอาไม้จิ้มฟันจิ้มดูว่าสุกหรือไม่ เมื่อสุกดีแล้วให้นำขึ้นจากเตาและโรยด้วยต้นหอม **
** อย่าตีไข่ให้เป็นฟอง แต่คนเบาๆ ถ้าตีไข่เป็นฟอง จะทำให้เนื้อไข่ตุ๋นไม่เนียนและเป็นพรุนๆค่า**


 




วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2559

น้ำตกโตนแพรทอง จังหวัดพัทลุง

 
ขอ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติเช่นน้ำตก ของจังหวัดพัทลุง ชื่อว่า น้ำตกโตนแพรทอง
อีกหนึ่งน้ำตกสวยซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของตำบลลำสินธุ์ อำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง

เป็นน้ำตกขนาดกลางมีลักษณะสายน้ำไหลระลอกลง ของแต่ละชั้น มีชื่อเรียกต่างกัน เช่นวังพายุ เป็นคุ้งน้ำชั้นสูงสุดเป็นต้นน้ำที่ไหลเป็นทางตามแนวโขดหินด้านบนลงสู่ชั้นล่าง มีลมพัดค่อนข้างรุนแรง

ยังมีวังเพชรหน้าทั่ง วังแพวังน้ำราบ ซึ่งมีความสวยงามแตกต่างกันไป มีน้ำไหลตลอดทั้งปี สามารถเล่นน้ำและพักผ่อนชมธรรมชาติ พื้นที่โดยรอบยังคงความสมบูรณ์มาก


การเดินทาง - จากอำเภอเมืองพัทลุง ขับรถไปตามทางหลวงหมายเลข 4 (พัทลุง-ตรัง) ประมาณ 18 กิโลเมตรครับ มีทางแยกให้เลี้ยวซ้าย เข้าถนนสายคลองหมวยบ้าน-กงหรา ขับเข้าไประยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร จะถึงทางแยกบ้านโตนให้เลี้ยวขวาทางทิศตะวันตก ตามป้าบอกทาง ประมาณ 5 กิโลเมตร ก็จะถึงน้ำตก


สามารถนำครอบครัวมาเที่ยวได้หลากหลายรูปแบบ เช่น เดินป่า เล่นน้ำ ถ่ายภาพ ชมพรรณไม้นานาชนิด






วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2559

นมแมว ผลไม้เล็กๆที่บ้านนอก

นมแมว ชื่อนี้มีมาแต่ใดนะ ฉันเติบโตมาก็ได้กลิ่นหอมๆ อันคุ้นเคยของดอกดมแมวแล้ว รู้จักเองโดยการเด็ดมาให้แม่ดู แม่บอกว่ากินได้ มันมีชื่อว่า ลูกนมแมว ข้างในผลมีเมล็ดดำๆมากมาย อัดแน่นไปทั้งผล แล้วจะกินอย่างไรดี เอาเข้าปากแล้ว ดูดๆ อมๆ รสหวานๆ หอม อร่อยลิ้น จะลูกเล็กหรือใหญ่ก็ไม่ต่างกัน

นี่แหละนะคนบ้านนอกไม่ค่อยมีอะไรให้กินนักหรอก มีเมนูข้างป่า หรือข้างถนนหนทาง ในสวน ในไร่ 
กินได้ ต้องปีนป่าย สอย เด็ดเอามากินกันอร่อยเพลินๆ กับเพื่อนๆ กินแต่น้ำแล้วบ้วนเมล็ดทิ้งไว้ให้งอกใหม่  
นมแมว พันธุ์พืชเฉพาะถิ่นของไทยภาคกลางและภาคใต้ มี(ชื่อวิทยาศาสตร์: Rauwenhoffia siamensis)  เป็นพรรณไม้ยืนต้น อยู่ในสกุลเดียวกับสายหยุด การเวก และ น้อยหน่า ชื่อนมแมวคงมาจากลักษณะ บางอย่างของต้นไม้นี้ ที่คล้าย นมของแมว

ลำต้น มีขนาดย่อม สูง 1-2 เมตร ลำต้น กิ่ง และก้านมีสีคล้ำ สีน้ำตาลเข้มออก ดำ แตกกิ่งก้านสาขาค่อนข้างแน่นทึบ 
 
 
ใบ เป็นใบเดี่ยว ลักษณะแหลมยาว ดอกเป็นดอกเดี่ยวออกตามง่ามใบเป็นกล่ม กลุ่มละ 1-3 ดอก 
 
 
ดอกบานกลีบ ดอกมีสีเหลืองนวลอมเขียวบริเวณ โคนกลีบดอก กลีบดอกหนาแข็ง มีดอกละ 6 กลีบ แบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ ขนาดใหญ่ประมาณ 1-2 เซนติเมตร ออกดอกตลอดทั้งปี 
 
ดอกบานตอนค่ำ มีกลิ่นหอมแรงตอนกลางคืน สุกมีสีเหลือง รสหวานกินได้
 
ประโยชน์ของนมแมว ใช้แต่งกลิ่นในเมนูขนมหวาน หรือน้ำแข็งใส
 

 
 
นมแมว ชอบแดด แต่สามารถ ขึ้นร่วมกับต้นไม้อื่นในสภาพป่าทึบ ได้หากไม่อยู่ในร่มตลอดวัน ดอก ออกได้ตลอดปีหากได้น้ำพอ แต่ให้ดอกดกที่สุดในช่วงฤดูฝน โดย เฉพาะช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม

พระยา วินิจวนันดร บันทึกไว้ว่า นมแมวเป็นพืชเฉพาะถิ่นที่พบเฉพาะในป่าดิบภาคกลางและภาคใต้ของประเทศไทย ปกติพบขึ้นอยู่ตามชายป่าชื้น คนไทยนิยม นำมาปลูกในบริเวณบ้าน จึงนับได้ว่า นมแมวเป็นต้นไม้ของไทยอย่าง แท้จริง

 ข้อมูลจากหมอชาวบ้าน เรียบเรียงโดยบ้านบิวเบสท์

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2559

ขนมดีซำ 
 ขนมดีซำเป็นอีก หนึ่งชนิดของขนมประเพณีเดือนสิบของคนภาคใต้ ที่ขาดไม่ได้เช่นกัน เหมือนกับขนมอื่นๆ ตามประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างเนิ่นนาน

ขนมดีซำทำจากข้าวเจ้าผสมกันน้ำตาลเคี่ยว ผสมให้เป็นเนื้อเดียวกันแล้วปั้นเป็นลูก นำไปทอดให้สุก เนื้อขนมจะร่วนนุ่ม ยุ่ย หวานๆ


ส่วนผสม
แป้งข้าวเจ้า         4 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย        1 ถ้วยตวง
น้ำ                    2 ถ้วยตวง
น้ำมันพืช            1 กก.

วิธีทำ

1. นำน้ำตาลทรายมาเคี่ยวจนเหนียว ยกลง

2. พอน้ำตาลอุ่น ๆ นำมานวดกับแป้งนวดพอปั้นได้อย่าให้เหลว หมักไว้อย่างน้อย 3 ชม. ให้แป้งขึ้น  

3.  เติมน้ำมันพืชนิดหน่อยก่อนนำมาปั้นแป้งจะไม่ติดมือ แล้วเป็นวงกลมแบน เจาะรูตรงกลาง

4. ทอดในน้ำมัน ไฟขนาดกลางถึงร้อน ต้องพลิกไปมา พอเหลืองสุกดีเป็นสีน้ำตาลทองๆ
ตักใส่ภาชนะ รองด้วยกระดาษซับมัน

หมายเหตุ
1.  ขนมนี้เรียกได้หลายชื่อ ได้แก่ ขนมเบซำ หรือดีซำ

2.  เป็นขนมที่ใช้ทำบุญตามประเพณีของภาคใต้ในเทศกาลเดือน 10

 

อีกสูตรจากอินเตอร์เน็ต
1. แป้งข้าวเจ้า 1 กิโลกรัม
2. น้ำตาลทรายขาว 600 กรัม
3. น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
4. น้ำเปล่าประมาณ 500 กรัม
5. เกลือป่น


วิธีทำ 
1. นวดแล้วหมักไว้อย่างน้อย 3ชั่วโมง เพื่อให้แป้งขึ้น 
2. เติมน้ำมันพืชเล็กน้อย ก่อนปั้นลงทอด เพื่อไม่ให้ติดมือ
3. หยิบแป้งมาก้อนเล็กๆ วางบนมือ หรือถ้าไม่ชำนาญ ก็ใช้ใบตองทาน้ำมันช่วยไม่ให้ติดมือ
4. กดตรงกลางให้เป็นรู เหมือนขนมโดนัทขนมของฝรั่ง 
5. ใส่ลงในกะทะที่มีน้ำมันร้อนๆมากๆ แล้วขนมจะฟูๆ ไม่แห้งแข็งถ้าน้ำมันไม่ร้อนขนมจะด้านๆไม่ฟูร่วน 
6. ปั้นแป้งใส่ลงไปเรื่อยๆ ต้องใช้ไม้เขี่ยพลิกไปมา
7. เป็นสีน้ำตาลทองแล้วเขี่ยขึ้น วางบนกระชอน แล้วจึงเทลงในกระดาษชับน้ำมัน




วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559

ผลไม้บ้านนอกวัยเยาว์

 
 นมวัว

 ผลไม้เมื่อตอนเรายังเด็ก ซึ่งสมัยก่อนไม่ค่อยมีให้เลือกมากเหมือนกันคนสมัยนี้ จะกินสักทีต้องปีนป่าน ต้นไม้เอาเอง หรือเด็ด มากินกันเล่นๆ เพราะปลอดสารพิษ ไม่ต้องมาล้างให้สะอาดกันหรอกแค่เช็ดๆ ปอกๆ ก็กินกันได้แล้ว


 
นมแมว

 นมควาย

ลูกขอบนาง

 
บักค้อ ภาคอีสาน

 

  
ลูกกระทกรก

ลูกกระทกรก สายพันธ์ใหม่
 
 ลูกมะกอก

 
ส้มโอ


ลูกระกำ

 หมอนทอง

 ลอกอชายไฟ (อยู่บริเวณท้ายครัวบ้าน)

 
ลูกไฟ หรือมะไฟ 

 มะม่วงเบา

จิ้มเคย/มันกุ้ง / น้ำปลาหวาน

 กล้วยนก

 ลูกโหนด อ่อน

 มะปราง

 มะปริง


มุดหรั่ง
 

มะละกอ กล้วย พีช

 มะไฟ

 ลูกตำลึง

 ฝรั่งขี้นก

 ลูกเหม็ดชุน

 หม้าวนา

 ลูกมุด

 ลูกขรบ หรือตะขรบ

 ตะลิงปลิง

ลูกจันทร์

 กำซำ


ลางสาด