วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562


 
 

ยำหอยแมลงภู่


หอยแมงภู่ เป็นหอยทะเล ที่เกาะตามเสา หรือโขดหิน แต่ตอนนี้นิยมเลี้ยงในกระชังกันมาก 
ลักษณะ ของหอยมีทั้งตัวผู้ ตัวเมีย ข้อสังเกตุว่าตัวผู้หรือตัวเมีย ตัวผู้จะมีเนื้อสีเข้มกว่าตัวเมีย ไม่ว่าจะผ่านการลวก นึ่ง ยำ สีก็ยังเข้มไม่เปลี่ยน ไม่ว่าจะทำเมนูอะไร ก็อร่อยเหมือนกันตรงที่หอยสดๆ ตัวอ้วนๆ
 

ส่วนผสม
หอยแมลงภู่ตัวใหญ่ 500 กรัม
หอมแดงบุบ 5 หัว
กุ้งฝอย
ผักขึ้นฉ่าย เด็ดใบ
น้ำ ¼ ถ้วย

น้ำจิ้มซีฟู้ด
พริกขี้หนูสวน 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมไทยแกะเปลือก 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 6 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปีบ 2 ช้อนโต๊ะ

 วิธีทำ

 
1. เริ่มจากล้างหอยแมลงภู่ให้สะอาด เพราะหอยที่ซื้อมาจากตลาดยังไม่ผ่านการล้างยังมีขี้โคลนดินติดมาและป้องกันไม่ไห้หอยตาย หอยยังสด หวาน

 

ล้างขัดเปลือกหอยให้สะอาด แล้วดึงเอาส่วนหนวดดำๆ ออก พักไว้ในตะแกรง ให้สะเด็ดน้ำ 

 

2. ตั้งน้ำไฟแรง ลวกจนสุก เมื่อหอยเปลือกหอยแมลงภู่อ้าหมดแสดงว่าสุกแล้ว ปิดไฟ 

 
3. ทำน้ำจิ้มซีฟู้ดโดยโขลกพริกขี้หนู กระเทียม ให้เข้ากันจนละเอียด ใส่เกลือ น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลปีบ คนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ชิมรสชาติ

 
 
4. นำส่วนผสมมาราดบนหอยที่ลวกไว้แล้ว คลุกเคล้าไห้เข้ากันแค่นี้ก็พร้อมอร่อยกันแล้ว

 







 









ยำไข่แมงดาทะเล
 
 
แมงดาทะเล2 ตัว มะม่วงดิบอะไรก็ได้ที่มีรสเปรี้ยว1 ลูก พริกชี้ฟ้าแดง10-15 เม็ด คื่นช่าย1 กำ หอมแดง5-6 หัว กุ้งเสียบ หรือกุ้งแห้งตามชอบ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ สำเร็จรูป1 ถุง มะนาว1-3ลูก น้ำปลา1-3 ช้อนโต๊ะ น้ำเชื่อม วิธีทำ 1 เลือกซื้อแมงดาทะเลตัวที่ไข่เยอะๆ ดูตรงท้องที่แน่น ๆหนัก ก่อไฟย่างใช้ไฟปานกลางใฟ้ไข่แมงดาสุกหอม เคล็ดลับ: เอาแมงดาไปนึ่งใฟ้สุกก่อนแล้วค่อยเอามาย่างไฟให้หอม วิธีทำ ยำไข่แมงดาทะเล 2 เอามีดกรีดท้องตามรอยขอบกระดองไปจนถึงท้อง แล้วดึงเส้นเมาออก ใช้ช้อนขูด ๆ เอาไข่แยกไว้ก่อน วิธีทำ ยำไข่แมงดาทะเล 3 เอามีดกรีดท้องตามรอยขอบกระดองไปจนถึงท้อง แล้วดึงเส้นเมาออก ใช้ช้อนขูด ๆ เอาไข่แยกไว้ก่อน วิธีทำ ยำไข่แมงดาทะเล 4 เตรียมผักที่จะเอายำ ล้างผักทุกอย่างสะเด็ดน้ำไว้ หั่นหอมแดง ผักคื่นช่าย พริกชี้ฟ้า ใส่ลงชามผสม ใช้มีดขูดมะม่วงให้เป็นเส้น ๆ ใส่ลงไป ใส่น้ำเชื่อมสักทัพพีก่อน ตามด้วยน้ำปลาอีก 3 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยมะนาว คลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมรสชาติดูก่อนให้รสชาติ หวานนำเปรี้ยวเค็มตาม พอได้รสชาติที่ถูกปากแล้ว ใส่ไข่แมงดา เม็ดมะม่วงหิมพานต์กุ้งแห้งลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักเสริฟได้เลยจร้า. พร้อมแซ่บ ‼️‼️ อ่านต่อได้ที่ https://www.wongnai.com/recipes/ugc/e944096f394d4ccba027909c6f2c76bd?ref=ct
 
แมงดาทะเล2 ตัว มะม่วงดิบอะไรก็ได้ที่มีรสเปรี้ยว1 ลูก พริกชี้ฟ้าแดง10-15 เม็ด คื่นช่าย1 กำ หอมแดง5-6 หัว กุ้งเสียบ หรือกุ้งแห้งตามชอบ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ สำเร็จรูป1 ถุง มะนาว1-3ลูก น้ำปลา1-3 ช้อนโต๊ะ น้ำเชื่อม วิธีทำ 1 เลือกซื้อแมงดาทะเลตัวที่ไข่เยอะๆ ดูตรงท้องที่แน่น ๆหนัก ก่อไฟย่างใช้ไฟปานกลางใฟ้ไข่แมงดาสุกหอม เคล็ดลับ: เอาแมงดาไปนึ่งใฟ้สุกก่อนแล้วค่อยเอามาย่างไฟให้หอม วิธีทำ ยำไข่แมงดาทะเล 2 เอามีดกรีดท้องตามรอยขอบกระดองไปจนถึงท้อง แล้วดึงเส้นเมาออก ใช้ช้อนขูด ๆ เอาไข่แยกไว้ก่อน วิธีทำ ยำไข่แมงดาทะเล 3 เอามีดกรีดท้องตามรอยขอบกระดองไปจนถึงท้อง แล้วดึงเส้นเมาออก ใช้ช้อนขูด ๆ เอาไข่แยกไว้ก่อน วิธีทำ ยำไข่แมงดาทะเล 4 เตรียมผักที่จะเอายำ ล้างผักทุกอย่างสะเด็ดน้ำไว้ หั่นหอมแดง ผักคื่นช่าย พริกชี้ฟ้า ใส่ลงชามผสม ใช้มีดขูดมะม่วงให้เป็นเส้น ๆ ใส่ลงไป ใส่น้ำเชื่อมสักทัพพีก่อน ตามด้วยน้ำปลาอีก 3 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยมะนาว คลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมรสชาติดูก่อนให้รสชาติ หวานนำเปรี้ยวเค็มตาม พอได้รสชาติที่ถูกปากแล้ว ใส่ไข่แมงดา เม็ดมะม่วงหิมพานต์กุ้งแห้งลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักเสริฟได้เลยจร้า. พร้อมแซ่บ ‼️‼️ อ่านต่อได้ที่ https://www.wongnai.com/recipes/ugc/e944096f394d4ccba027909c6f2c76bd?ref=ct
ก่อนที่จะนำมายำไข่แมงดาทะเล มารู้จักตัวแมงดาทะเลกันสักหน่อย แล้วค่อยอร่อยกับเมนู ยำไข่แมงดา
แมงดาทะเลเป็น สัตว์ที่มีรูปร่างแปลก เหมือนชามกะละมังคว่ำทางด้านหัวโค้งกลม
แมงดาทะเลมีเปลือกหนาแข็งห่อหุ้มอยู่ทั่วทั้งตัว มีหางแข็งยาว ปลายแหลม
ยื่นออกมาหาส่วนท้ายของลำตัว สำหรับใช้ต่างสมอปักลงกับพื้นท้องทะเลเมื่อต้องการนอนนิ่งอยู่กันที่

แมงดา ทะเลอาศัยอยู่บริเวณที่มีทะเลน้ำตื้นๆ คลานหากินไปตามพื้นทราย
กินหอยเล็กๆ ปูเล็กๆ เป็นอาหาร ศัตรูคือเต่าทะเลและฉลาม
แมงดาทะเลตัวผู้กับตัวเมียมีรูปร่างคล้ายกัน แต่ตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่ามาก
ไข่เป็นเม็ดกลมสีเหลืองขนาดเม็ดสาคู และมีจำนวนหลายร้อยฟอง

แมงดาที่ พบในทะเลไทยมี 2 ชนิดคือ แมงดาจาน หรือแมงดาหางเหลี่ยม มีขนาดใหญ่
อาศัยอยู่ตามพื้นทะเล วางไข่ตามริมชายฝั่งที่เป็นดินทราย 
 
ภาพจากอินเตอร์เน็ต ลักษณะของแมงดาทะเล
 
 ลักษณะของไข่แมงดาทะเล
 
ก่อนจะทำเมนูต่างๆ ต้องเอาแมงดาไปผ่านความร้อนให้สุกด้วยการเผาหรือต้ม 
 
การเผาจะให้กลิ่นหอมมากกว่า แมงดาเมื่อเผาจะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ใช้มีดกรีดขอบกระดองเปิดขึ้น 
ดึงเส้นกลางลำตัวออก
 
ส่วนประกอบ

ไข่แมงดา 1ตัว
มะม่วงเปรี้ยว 1 ลูก
หอมแดง 3 หัว
ปลากรอบ
ถั่วคั่ว
น้ำปลา
น้ำกระเทียมดอง
พริกขี้หนูแดง
มะนาว
น้ำตาลทราย
ผงชูรส
ตามชอบ
 
วิธีทำ
 
 
1. แมงดาต้มใช้มีดกรีดขอบกระดองเปิดขึ้น ดึงเส้นกลางลำตัวออก ใช้ช้อนขูดเอาไข่ออกมา

2. หลังจากเตรียมแมงดา สับมะม่วงไว้แล้ว จึงเริ่มปรุงน้ำยำ ใส่พริกจินดาแดงบุบหยาบมากน้อยตามความชอบ
 
3. น้ำตาล ผงชูรส น้ำกระเทียมดอง ตามด้วยน้ำปลา คนให้เครื่องปรุงเข้ากัน ใส่พริกขี้หนูซอย ตามด้วยหอมแดง และมะม่วงสับ
 
 
 
4. คนให้เข้ากัน ชิมรสชาติให้ได้ตามชอบ เปรี้ยว เผ็ด เค็ม ตัดด้วยรสหวานนิดหน่อย เพิ่มมะนาวเพิ่มมะม่วงที่ได้ไม่เปรี้ยว จากนั้นใส่ไข่แมงดาที่เตรียมไว้ คลุกเคล้าให้ทุกอย่างเข้ากันดี
 

ขอแนะนำผู้ที่ชอบบริโภคแมงดาทะเล ไห้สังเกตและหลีกเลี่ยงการบริโภคแมงดาทะเลบ่างประเภท
โดยเฉพาะแมงดาเหราหรือแมงดาหางกลมไม่ว่าจะเป็นไข่หรือเนื้อของแมงดาชนิดนี้

งดการการรับประทานไข่แมงดาทะเลในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม เนื่องจากมีความเป็นพิษสูง เพราะระดับพิษขึ้นอยู่กับฤดูกาล

หากไม่รู้วิธีการนำแมงดาทะเลมาปรุงเป็นอาหาร ไม่ควรรับประทานอย่างเด็ดขาด
เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มียารักษาพิษของแมงดาทะเลโดยตรง เพื่อความปลอดภัย ของตัวเอง

วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ถั่วแปบ ถั่วฝักแบน เป็นทั้งไม้ล้มลุก ทั้งขนมแสนอร่อย

 
มารู้จักถั่วแปบ ถั่วฝักแบนๆ ทางเหนือ อีสาน ชอบถั่วแปบมาก ทั้งเก็บเองในป่าและปลูกเอง ดอก ใบ ผล ฝักมีรสอร่อยที่อุดมไปด้วย โปรตีนและวิตามิน ให้ประโยชน์ทางบำรุงร่างกาย บำรุงผิว และบำรุงสายตา

ฝักแก่ๆต้มเอาเม็ดข้างในกินกับน้ำพริก,ใส่แกงแค,แกงป่า,แกงเลียง ถ้าจะกินทั้งฝักต้องฝักอ่อนๆ 
ถ้าฝักแก่ๆจะเปลือกจะแข็ง  ทางเหนือเรียกมะถั่วบอย 

ฝักอ่อน ผัดผักรวม ผัดน้ำมันหอย รวกจิ้มน้ำพริก  
ฝักอ่อนลอกเส้นข้างออกเหมือนถั่วลันเตาด้วยจะได้ไม่เหนียวเคี้ยวง่าย
 
ถั่วแปบ เป็นไม้ล้มลุก มีเถาเลื้อยพันชูยอดไต่ขึ้นที่สูง มีลำต้นตรงจากดินแล้วเลื้อยยืดเป็นเถายาว มีขนอ่อนคลุม ต้นแข็งแรง มีรากอยู่ใต้ดินสะสมอาหาร และภายหลังเป็นปุ๋ยให้ต้นไม้อื่น

ใบถั่วแปบ เป็นใบประกอบ มีใบย่อย 3 ใบ โคนใบมนปลายใบแหลม ใบสีเขียว พื้นใบเรียบ เหมือนกับใบถั่วทั่วไป
 

ดอกถั่วแปบ เป็นช่อยาวชูสูง ออกจากซอกใบใกล้ยอด ในช่อมีดอกย่อย ดอกตูมรูปเดือนกึ่งดวง
เวลาบานแผ่ออกเห็น 3 กลีบ แต่ละกลีบแผ่เต็มที่เป็นรูปครึ่งวงกลม ขอบกลีบพลิ้วเล็กน้อย

ดอกถั่วแปบ สีขาวผุดผ่อง จนเห็นเป็นเงาประกาย โคนกลีบสีเหลืองเรื่อสวยสะอาดสดใส

  

ผลถั่วแปบเรียกว่า ฝัก
ฝักค่อนข้างแบน จึงเรียกถั่วแปบ ซึ่งหมายถึงแฟบ แบน ยังอ่อนสีเขียว ปลายฝักแหลมหัวแหลมท้าย
รูปทรงเหมือนจันทร์เสี้ยว หรือคล้ายฝักถั่วลันเตาขณะยังอ่อน

ผลหรือฝักถั่วแปบ ทำอาหารประเภทผักได้ มีประโยชน์ มีทั้งโปรตีนและวิตามิน

ทำอาหารได้หลายชนิด

เช่น แกงส้ม ต้มจิ้มน้ำพริก ผัดน้ำมันไฟแดง หวานกรอบ

ทำซุปใส่แครอท หอมใหญ่ ข้าวโพด เม็ดถั่วแปบแทนถั่วลันเตา  

ผัดผักรวม ผัดน้ำมันหอย รวกจิ้มน้ำพริก อร่อยหวาน

กินทั้งฝักมันติดขมนิดๆ นึ่งกินแต่เมล็ดนั่นแหละ เมล็ดแก่เอามาคั่วบริหารฟันเหมือนเม็ดมะขาม




คอราบิ (กะหล่ำปม) ปลูกกินเองง่ายมาก

 

 กะหล่ำปม ปลูกง่ายมีีสีขาวกะม่วง ตั้งแต่เพาะมาก็ 2 เดือนเริ่มตั้งท้อง 4 เดือนหัวใหญ่
ใส่ปุ๋ยคอก ขี้วัวกะขี้หมู

กะหล่ำปม หรืออีกชื่อคอราบิ เป็นพืชล้มลุกสองปี ลำต้นส่วนที่อยู่ติดระดับดิน พองออกเป็นรูปทรงกลมหรือกลมแป้น เส้นผ่านศูนย์กลาง 5-10 ซม. 

มีทั้งชนิดลำต้นสีเขียวและม่วง ใบเดี่ยว รูปรีหรือรูปไข่แกมรูปรี ปลายแหลมถึงป้าน ขอบหยักซี่ฟันหยาบๆ โดยเฉพาะส่วนใกล้โคนใบมักเว้าลึกถึงเส้นกลางใบ ก้านใบเล็กและยาว แผ่นใบมีนวล 
ชอบอากาศเย็น ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดและย้ายกล้าปลูกในแปลง

พันธุ์คอราบิ หรือ (กะหล่ำปม)
ผักตระกูลนี้มีเมล็ดค่อนข้างเล็ก บางชนิดมีราคาแพงมาก เพราะส่วนใหญ่ต้องสั่งเมล็ดมาจากต่างประเทศ

วิธีปลูก

ไถดิน ตากแดด ฆ่าเชื้อโรคในดิน แล้วทำการพรวนดิน ทำร่อง ยกได้หน้าดินเสมอกัน

หยอดเมล็ดเป็นหลุม ๆ ละ 3-5 เมล็ด ห่างกันหลุมละ 20 เซนติเมตร หรือโรยเมล็ดบาง ๆ เป็นแถวห่างกันแถวละ 20 เซนติเมตร

หลังหยอดเมล็ดหรือโรยเมล็ด 10 วัน หรือเมื่อมีใบจริง 2-3 ใบ ถอนแยกให้เหลือหลุมละ 2 ต้น หรือหากโรยเมล็ดเป็นแถวให้ถอนอีก ระวังระยะต้นไม่ให้ชิดกันเกินไป  

การเจริญเติบโตตั้งแต่เพาะมาก็ 2 เดือนเริ่มตั้งท้อง 4 เดือนหัวใหญ่

ใส่ปุ๋ยกะหล่ำปม ใส่ปุ๋ยคอก ขี้วัวกะขี้หมู  

อายุการเก็บเกี่ยว
ผักแต่ละชนิดอายุเก็บเกี่ยวแตกต่างกันเล็กน้อย เช่น คะน้า กวางตุ้ง เก็บเกี่ยวได้เมื่อมีอายุ 30-45 วัน ผักกาดหัว 45-55 วัน ผักกาดขาวปลี เขียวปลี กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 50-60 วัน หลังหยอดเมล็ด

เมื่อเก็บเกี่ยวไม่ควรถอนผักทั้งต้น เก็บผักให้เหลือใบทิ้งไว้กับต้น 2-3 ใบ ต้นและใบที่เหลือจะสามารถเจริญให้เป็นผลผลิตเก็บเกี่ยวได้อีก 2-3 ครั้ง

ข้อควรระวัง
ต้องให้น้ำสม่ำเสมอ ผักตระกูลนี้มักมีปัญหาโรคและแมลงค่อนข้างมาก ต้องคอยดูแลเอาใจใส่ใกล้ชิด

การใช้ประโยชน์จาก
กะหล่ำปม ใช้ตำส้มตำแทนมะละกอได้

กะหล่ำปมผัดรวมกับผักชนิดอื่น ๆ ต้มแบบจับฉ่าย ต้มซุป ผักกับเนื้อสัตว์ อาหารทะเล ผัดกับไข่ ใบอ่อน ต้มหรือ ผัดแบบ ปวยเหล็ง





วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ประเพณีไห้ทานไฟ วัดเสนาราม

 
ปีนี้ร่วมทำบุญไห้ทานไฟ วันเสนารา อิ่มบุญ อิ่มใจ ประเพณีภาคใต้ สืบสานวัฒนธรรม
สืบสานประเพณีทำบุญให้ทานไฟ การให้ทานไฟ เป็นการทำบุญ ถวายพระภิกษุสงฆ์ เพื่อให้ เกิดความอบอุ่น ในเวลาตอนเช้ามืด ช่วงเดือนฤดูหนาว โดยใช้ลานวัดเป็นที่ก่อกองไฟ ถือเป็นประเพณีที่เก่าแก่และดีงาม น่าศรัทธาที่ถือปฏิบัติต่อกันมาช้านาน  
 

ประวัติความเป็นมาของประเพณีให้ทานไฟ กล่าวถึงเรื่อง ความตระหนี่ถี่เหนียวของโกลิยะเศรษฐี ที่อยากกินขนมเบื้อง แต่เสียดายเงินไม่ยอมซื้อและไม่อยากให้ลูกเมียได้กินด้วย ภรรยาจึงทำขนมเบื้องที่บ้านชั้นเจ็ดให้เศรษฐีได้รับประทานโดยไม่ให้ผู้ใดเห็น ขณะที่สองสามีภรรยากำลังปรุงขนมเบื้อง 
พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่เชตวันมหาวิหาร ทรงทราบด้วยญาณ จึงโปรดให้พระโมคคัลลานะไปแก้นิสัยของโกลิยะเศรษฐี พระโมคคัคลานะ ตรงไปบนตึกชั้นเจ็ดของคฤหาสน์เศรษฐี เศรษฐีเข้าใจว่าจะมาขอขนม จึงแสดงอาการรังเกียจและออกวาจาขับไล่ แต่พระโมคคัคลานะพยายามทรมานเศรษฐีอยู่นานจนยอมละนิสัยตระหนี่ 

พระโมคคัลลานะได้แสดงธรรมเรื่องประโยชน์ของการให้ จนโกลิยะเศรษฐีและภรรยาเกิดความเลื่อมใส ได้นิมนต์มารับถวายอาหารที่บ้านตน พระโมคคัลลานะแจ้งให้นำไปถวายพระพุทธเจ้าและพระสาวก ๕๐๐ รูป ณ เชตวันมหาวิหาร โกลิยะเศรษฐีและภรรยาได้นำเข้าของเครื่องปรุงไปทำขนมเบื้องถวาย
พระพุทธเจ้าและพระสาวก แต่ปรุงเท่าไหร่แป้งที่เตรียมมาเพียงเล็กน้อยก็ไม่หมด พระพุทธเจ้าจึงโปรดเทศนาสั่งสอน ทั้งสองคนเกิดความปีติอิ่มเอิบในการบริจาคทาน เห็นแจ้งบรรลุธรรมชั้นโสดาบัน

 
ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมทำ ขนมพื้นบ้าน ประเภท นึ่ง - ทอด - เผา ด้วยเตาไฟ อันจะให้ทั้งความร้อนความอบอุ่น ที่เป็นอาหารไปพร้อมกัน ชาวบ้านจะปรุงขึ้นมาร้อน ๆ ถวายพระสงฆ์ ขณะที่ทำขนมกันไป พระสงฆ์ก็ฉันไปพร้อม ๆ กัน เมื่อพระสงฆ์ฉันอิ่มแล้ว ชาวบ้านจึงร่วมรับประทานกัน อย่างสนุกสนาน หลังจากพระสงฆ์ฉันเสร็จแล้ว ก็สวดให้ศีลให้พรแก่ผู้ที่มาทำบุญเป็นอันเสร็จ