วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ประเพณีตักบาตรเทโววันออกพรรษา ลากเรือพระภาคใต้ ในวันแรม 1 ค่ำเดือน 11

 

งานตักบาตรเทโว เป็นงานประเพณีครั้งโบราณกาล เป็นประเพณีที่ชาวบ้านทุกคนภูมิใจกันมาก นอกจากการตักบาตรเทโวโรหณะแล้ว ในหลายพื้นที่ยังได้จัดงานทำบุญชักพระโดยเป็นการแห่ขบวนเรือพระจากวัดต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมทำบุญเนื่องในวันออกพรรษา และวันแรม 1 ค่ำ


 


วันตักบาตรเทโวโรหณะ เป็นประเพณีตามความเชื่อของพุทธศาสนิกชนว่า เป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากเทศนาอภิธรรมปิฎกโปรดพุทธมารดา ทั้งนี้คำว่า
เทโวโรหณะ แปลว่า การหยั่งลงจากเทวโลก ซึ่งหมายถึง การเสด็จลงจากเทวโลกของพระพุทธเจ้า


การตักบาตรเทโว ที่มีความสอดคล้องกับพุทธตำนานมากที่สุด กล่าวคือ ในสมัยพุทธกาล เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรมศาสดาได้เสด็จขึ้นไปแสดงธรรมโปรดพุทธมารดายังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เป็นเวลา ๓ เดือนเต็ม จนกระทั่งพระพุทธมารดาได้บรรลุ ซึ่งพระอริยมรรค อริยผล เป็นพระอรหันต์ภูมิแล้วจึงเสด็จจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ลงมาสู่โลกมนุษย์ ซึ่งพระอินทร์ได้ให้พระวิศณุกรรมเนรมิตบันไดแก้วทอดให้พระพุทธองค์เสด็จโดยมีบันไดทองเบื้องซ้ายและบันไดเงินเบื้องขวาสำหรับ หมู่ เทพยดา พระอินทร์และพระพรหม ทอดลงมาสู่มนุษยภูมิที่มีสังกัสนคร วันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงมาสู่โลกมนุษย์นั้น เรียกว่า "วันเทโวโรหณะ" ซึ่งจะมีพระอรหันต์พร้อมด้วยสาธุชนมารอรับเสด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อการใส่บาตรอย่างมากมายขึ้นที่บริเวณนี้

 
ตามตำนานความเชื่อ พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ทรงเทศนาโปรดประชาชนในอินเดียตอนเหนือ เมืองราชคฤห์ เมืองพาราณสี เมืองสาวัตถี และเมืองกบิลพัสดุ์ ปิตุภูมิของพระพุทธเจ้า ทรงเทศนาโปรดพระประยูรญาติ ทรงปรารถนาจะสนองพระคุณมารดา ที่หลังประสูติพระองค์ได้ 7 วัน ก็สิ้นพระชนม์ และได้ไปเกิดเป็นนางสวรรค์อยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต
ในพรรษาที่ 7 หลังการตรัสรู้พระพุทธองค์จึงเสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เทศนาพระอภิธรรมปิฎก โปรดพระพุทธมารดาอยู่พรรษาหนึ่ง ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 จึงเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาประทับที่เมืองสังกัสสะ จากนั้นประชาชนได้พากันไปเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อทำบุญตักบาตรอย่างหนาแน่น เป็นที่มาของประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ


ประเพณีชักพระแต่โบราณ ชาวบ้านจะมารอขบวนเรือพระที่ล่องมาทางน้ำ และตักบาตรกันด้วยขนมเทียน เรือพระแต่ละลำจึงมีขนมแขวนอยู่ตามลำเรือเต็มไปหมด ปัจจุบันแม้ว่าจะเปลี่ยนมาเป็นการแห่พระทางบก ก็มีชาวบ้านรุ่นคุณป้าที่ยังคงเตรียมขนมเทียน ขนมต้มมาตักบาตร ชาวบ้านบางคนมารอตักบาตรเรือพระที่จะวิ่งผ่านเข้าไปร่วมขบวนแห่ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นรถขนาดเล็กๆ ส่วนเรือขนาดใหญ่ที่ตกแต่งมาอย่างสวยงาม

หลังจากที่ตักบาตรพระบนเรือพระ แล้วเข้าร่วมชักเรือพระและชมขบวนแห่เรือพระไปพร้อมๆกัน เพราะมีการตีกลองยาว เป็นเพลงร้องรำอย่างสนุกสนาน ตามเส้นทางถนนต่างๆ จนกว่าจะเรือพระจะกลับถึงวัดของในแต่ละวัน






วันนี้วันดี แรม 1 ค่ำเดือน 11 ชาวบ้านทำการตักบาตรเทโวและลากเรือพระ ตามท้องถิ่นของแต่ละจังหวัดทั่วประเทศไทย

วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561

น้ำมันไพลแก้ปวดเมื่อย
 
ไพลสมุนไพรไทยมีการใช้กันมาอย่างช้านาน โดยไช้สมุนไพรเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพ คลายปวดเมื่อย เช่นการนวด เพื่อลดอาการปวดเมื่อยและคลายเส้น เนื่องจากปัจจุบันเป็นยุคของโรคปวดเมื่อย ลุกก็ปวด นั่งก็ปวด เมื่อยตรงนั้น ปวดตรงนี้ เป็นโรคที่รักษาไม่หาย แต่ช่วยไห้ผ่อนคลายได้ เพื่อลดอาการปวดเมื่อยและคลายเส้น และเพื่อสร้างเสริมให้ใช้สมุนไพรใกล้ตัว อย่างไพล ร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ ช่วยลดอาการปวดเมื่อย เมื่อใช้แล้วอาการทุเลาลงได้เป็นการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชน การฟื้นฟูสมรถภาพที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิต เป็นทางเลือกของสุขภาพที่หลากหลาย ผสมผสานภูมิปัญญาไทยที่ทำไห้ประชาชนสามารถพึ่งตนเองได้ สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน 
 
น้ำมันไพล สมุนไพรนวดคลายเส้น ขึ้นเพื่อใช้นวด บรรเทาอาการปวดเมื่อย  
คลายกล้ามเนื้อ ของประชาชนทุกกลุ่มวัย สามารถลดความเสี่ยงต่อความพิการของผู้ที่กล้ามเนื้อมีปัญหา กล้ามเนื้ออ่อนแรง ผู้ป่วยที่เป็นอัมพฤกษ อัมพาต หากต้องการน้ำมันที่ช่วยในทางยา สามารถเลือกใช้ น้ำมันมะพร้าว หรือสมุนไพรอื่นๆร่วมด้วยตามตำหรับยา

  

สรรพคุณ : ต้านการปวด อักเสบ คลายกล้ามเนื้อแก้ปวดเมื่อย ส่วนประกอบ
- ไพลสด 2 กิโลกรัม
- น้ำมันพืช 1 ลิตร
- พิมเสน 15 กรัม
- การบูร 30 กรัม
- เมนทอล 15 กรัม
- น้ำมันยูคาลิปตัส 15 มิลลิลิตร
- น้ำมันระกำ 30 มิลลิลิตร

วิธีทำ

1. ล้างหัวไพลสดให้สะอาด จากนั้น นำมาหั่นแผ่นบางๆ ทิ้งให้หมาด

 

2. นำกระทะตั้งเตา เติมน้ำมันที่เตรียมไว้ ใช้ไฟอ่อน จนน้ำมันเริ่มร้อนดี ใส่ไพลลงไปเคี่ยว คนเป็นระยะ
 
 

3. น้ำมันไพลได้ที่ดีแล้ว ตัดไพลขึ้นเหลือไว้แต่น้ำมันสีเหลือง (เช็คได้ตาก ไพลลงทอดชิ้นกรอบดีแล้วใช้นิ้วหักได้ไม่เหนียว)

4. เถาเอ็นอ่อนหั่นชิ้นบางๆ ทอดได้เกรียมเหมือนกับไพล กรองเอาแต่น้ำมัน

 
4. นำน้ำมันกรองด้วยผ้าขาวบาง

5. เติมเมลทอล การบูร พิมเสน น้ำมันยูคาลิปตัส และน้ำมันระกำ คนให้ละลายเข้ากัน

6. ทิ้งไว้ให้เย็นจึงบรรจุลงขวดเก็บไว้ใช้
หมายเหตุ : หากต้องการน้ำมันที่ช่วยในทางยา สามารถเลือกใช้ น้ำมันมะพร้าว(ดูแลโรคผิวหนัง บำรุงิวหนัง) น้ำมันรำข้าว(วิตามินอีบำรุงผิว) น้ำมันงา(บำรุงข้อแก้ปวดข้อได้)

(กรณีต้องการกลิ่นเพิ่มเติม เช่น กลิ่นมะกรูด กลิ่นตะไคร้หอม สามารถใส่สมุนไพรนั้นๆลงไปเคี่ยวเพิ่มเติมได้ตอนท้ายหลังยกลงจากเตาแล้วกรองน้ำมันด้วยผ้าขาวบาง และทำตามขั้นตอนที่แนะนำ)
ข้อควรระวัง : น้ำมันไพล ใช้ทานวดกล้ามเนื้อ คลายปวดเมื่อย ไม่ควรใช้กับแผลเปิด โรคผิวหนังที่มีน้ำเหลือง และไม่ควรใช้ในผู้ที่แพ้ไพลหรือส่วนประกอบในตำรับ

น้ำมันไพล สูตรต่างๆ แก้เคล็ดขัดยอกปวดเมื่อย แมลงกัดต่อย

น้ำมันเหลืองไพล 100 ซีซี


ส่วนผสม
หัวไพลสด 2 กิโลกรัม
เมนทอล 10 กรัม
การะบูร 15 กรัม
น้ำมันล์ม หรือน้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันงา 0.5 กิโลกรัม
น้ามันเถาเอ็นอ่อน 0.5 กิโลกรัม
น้ำมันระกำ 150 ซีซี
น้ำมันยุคาลิปตัส 10 ซีซี
น้ำมันกานพลู 10 ซีซี




วิธีทำ
1. หั่นไพลสด และขมิ้นชันสด ให้เป็นชิ้นบาง

2. เทน้ำมันปาล์ม หรือน้ำมันมะพร้าว ลงกระทะยกตั้งไฟ พอน้ำมันร้อนปานกลาง เอาไพลและขมิ้นชันลงทอดในน้ำมัน (เหมือนทอดกล้วยแขก) ทอดจนไพลและขมิ้นชันกรอบเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแก่ แล้วน้ำมันเป็นสีเหลืองใส (ระวังไหม้) ช้อนเอาชิ้นไพลและขมิ้นชันออก

3.ตำกานพลูให้ป่น นำลงทอดในน้ำมันต่อและลดไฟให้เหลือไฟอ่อน ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันที่อยู่ในกานพลูระเหยไป ทอดประมาณ 5 นาที กรองด้วยผ้าขาวบาง

4.พอน้ำมันอุ่น ๆ ผสมการบูรลงในน้ำมัน แล้วเทลงในภาชนะที่สามารถปิดฝาให้สนิทป้องกันการระเหยได้ แล้วเทบรรจุลงขวดเล็กปิดฝาให้แน่นเพื่อนำไปใช้ต่อไป

 
น้ำมันไพลสดทอด

หัวไพลสด 2 กิโลกรัม
ขมิ้นชันสด  1/2 กิโลกรัม
น้ำมันปาล์ม หรือน้ำมันมะพร้าว 1 กิโลกรัม
ดอกกานพลู  100 กรัม
การบูร  100 กรัม 

วิธีทำ
1. หั่นไพลสด และขมิ้นชันสด ให้เป็นชิ้นบาง

2. เทน้ำมันปาล์ม หรือน้ำมันมะพร้าว ลงกระทะยกตั้งไฟ พอน้ำมันร้อนปานกลาง เอาไพลและขมิ้นชันลงทอดในน้ำมัน (เหมือนทอดกล้วยแขก) ทอดจนไพลและขมิ้นชันกรอบเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแก่ แล้วน้ำมันเป็นสีเหลืองใส (ระวังไหม้) ช้อนเอาชิ้นไพลและขมิ้นชันออก

3.ตำกานพลูให้ป่น นำลงทอดในน้ำมันต่อและลดไฟให้เหลือไฟอ่อน ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันที่อยู่ในกานพลูระเหยไป ทอดประมาณ 5 นาที กรองด้วยผ้าขาวบาง

4.พอน้ำมันอุ่น ๆ ผสมการบูรลงในน้ำมัน แล้วเทลงในภาชนะที่สามารถปิดฝาให้สนิทป้องกันการระเหยได้ แล้วเทบรรจุลงขวดเล็กปิดฝาให้แน่นเพื่อนำไปใช้ต่อไป

วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2561


 ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน

  ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน เมนูสุขภาพของคนหลายๆคนที่ชอบกินผัก หรือไดเอด เพราะมีแต่แป้งนิดหน่อย ผักสารพัด เนื้อหมู เนื้อไก่ ล้วนไม่มีไขมัน อีกทั้งจิ้มน่้ำจิ้มรสเด็ดเผ็ดร้อน แก้เลี่ยนได้อย่างอร่อยถูกปากถูกใจของใครหลายๆคน

เครื่องปรุง

1. เนื้อหมูสับ 1/2 กิโลกรัม หรืออกไก่ต้มสุกฉีกชิ้น 1/2 กิโลกรัม
2. แผ่นก๋วยเตี๋ยวแผ่นใหญ 1 กิโลกรัม
3. แครอทหั่น (สี่เหลี่ยมลูกเต๋า) 3+1/4 ถ้วยตวง
4. โหระพา 7 กิ่ง
5. กุ้งแห้ง 1/4 ถ้วยตวง
6. เต้าหู้หั่นชิ้น  1/2 ถ้วยตวง
7. ไชโป๊วหวานสับหยาบ 1/4 ถ้วยตวง
8. ผักชีไทย 5 ต้น
9. ถั่วงอก
10. ต้นหอมซอย
11. ถั่วลิสงคั่ว
12. ไข่เจียวหั่นเส้น

 

วิธีทำไส้

1. อกไก่ต้มสุกฉีกชิ้นเล็กๆ ใส่จานพักไว้ให้เย็น
2.แครอทหั่น (สี่เหลี่ยมลูกเต๋า) 
3. โหระพาเด็ดใบ
4. กุ้งแห้ง 
5. เต้าหู้หั่นชิ้น 
6. ไชโป๊วหวานสับหยาบ
7. ผักชีไทยหั่นชิ้น
8. ถั่วงอกเด็ดท้าย
9. ต้นหอมซอย
10. ถั่วลิสงคั่ว
11. ไข่เจียวหั่นเส้น

วิธีเตรียมแป้งก๋วยเตี๋ยวและผัก

1. แผ่นก๋วยเตี๋ยวแผ่นใหญ่ 1 กก. ขนาดกว้าง 12×16 นิ้ว

2. ตั้งลังถึงให้น้ำเดือดพล่าน นำแผ่นก๋วยเตี๋ยว ทั้งแผ่นใส่ถาดนึ่งประมาณ 10 นาที ยกลงปล่อยให้เย็น

3. ผักกาดหอมตัดเส้นกลางใบออก แล้วตัดเป็นสี่เหลี่ยมขนาดพอประมาณ

4. โหระพา เด็ดเป็นใบๆ

5. ผักชีต้นใหญ่ เด็ดเป็นช่อสั้นๆ

  

วิธีการห่อ

1. วางแป้งลงบนแผ่นพลาสติก วางผักกาดหอมลงตรงกลาง ให้เหลือริมแป้งไว้ด้านละ 2 นิ้ว
วางเรียงไส้ตามลำดับ คือ ผักกาดหอม โหระพา ผักชี วางให้เสมอใบผักกาด


 

2. ตักไส้ที่ผัดไว้ใส่พอประมาณเกลี่ยให้ทั่ว พับแป้งด้านข้างทั้ง 2 ด้านมาทับบนไส้

 
3. แล้วพับแป้งด้านล่างขึ้นทับพร้อมกับลอกแผ่นพลาสติก ค่อยๆม้วนหรือพับให้แน่น

 
4. วางเรียงบนจานเสิร์ฟ 2-3 แท่ง แล้วแต่ความต้องการ

 

5. ใช้มีดหั่นตามขวางพอคำ เพื่อสะดวกในการรับประทานคู่กับน้ำจิ้มสูตรต่างๆ

น้ำจิ้มก๋วยเตี๋ยวลุยสวนมีหลากหลายสูตร แล้วแต่ใครจะชอบแบบไหน

 

ส่วนผสม
1. พริกชี้ฟ้าแดง 40 กรัม
2. กระเทียม 20 กรัม
3. น้ำส้มสายชู 180 กรัม
4. น้ำตาลทราย 135 กรัม
5. เกลือป่น 10 กรัม
6. แป้งมันสำปะหลัง 10 กรัม
7. แครอทขูดเป็นเส้นบาง 10 กรัม
วิธีทำ
1. นำพริกชี้ฟ้าแดงแกะเอาเมล็ดออก หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ โขลกกับกระเทียมให้ละเอียด
2. ผสมน้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือป่นและแป้งมันละลายกับน้ำเปล่าเข้าด้วยกันในหม้อ
3. ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ จนมีลักษณะเป็นยางมะตูม ยกลงทิ้งไว้ให้อุ่น ใส่ส่วนผสมที่โขลกและแครอทขูดเป็นเส้นบาง ๆ คนให้เข้ากัน

 

น้ำจิ้มก๋วยเตี๋ยวลุยสวน

ส่วนผสม
1. พริกขี้หนูสวนสีเขียวซอย 20 เม็ด
2. พริกขี้หนูแบบยาวสีเขียวซอย 10 เม็ด
3. กระเทียมกลีบเล็กหั่นหยาบๆ 20 กลีบ
4. ใบโหระพาซอยหยาบๆ 1/2 ถ้วยตวง
5. น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วยตวง
6. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
7. น้ำเชื่อม (น้ำเปล่า 1/2 ถ้วยตวง น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง ต้มจนน้ำละลาย พักให้เย็น)
วิธีทำน้ำจิ้มสูตร 1
1. ปั่นกระเทียม ใบโหระพา พริกขี้หนูทั้งหมดให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน เทใส่ในชาม เติมน้ำเชื่อม เกลือ คนให้เกลือละลาย ชิมรสเปรี้ยวเค็มหวาน
2. น้ำจิ้มสามารถทำไว้ล่วงหน้าได้ โดยใส่ขวดแก้วแช่ในตู้เย็น รุ่งขึ้นน้ำจิ้มจะเข้มข้น ไม่มีกลิ่นใบโหระพา รวมทั้งใช้เป็นน้ำจิ้มอาหารทะเล นึ่ง ย่างได้ด้วย

ขอบคุณสูตรจาก www.naibann.com