วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สมองเสื่อม โรคใกล้ตัว


โรคสมองเสื่อมเดี๋ยวนี้คนสูงอายุเป็นกันมาก เป็นโรคที่ไม่ควรมองข้าม เพราะต่อไปจะมีเพิ่มขึ้นอีกมากมาย เช่นพ่อหรือแม่ของดารา ที่ออกข่าวให้เห็นบ่อยๆก็มี เช่น แพท ณปภา ตันตระกูล ที่ต้องดูแลแม่ที่เป็นโรคสมองเสื่อม บางครั้งจำอะไรไม่ได้ แม้แต่ลูกตัวเอง หรือคนในครอบครัว

ภาพจากอินเตอร์เน็ต

อาการของโรคสมองเสื่อม เกิดจากสมองทำงานผิดปกติ ไม่สามารพควลคุมการทำงานของร่างกายได้ จนเกินผลกระทบต่อการทำงานหรือการใช้ชีวิต เช่น จากที่เคยจำได้ ว่าสิ่งที่ต้องใช้นั้น ใช้อย่างไร
คนนี้เป็นใคร อยู่ที่ไหน จะไปไหน กลางวันหรือกลางคืน 
ก็จำไม่ได้ รู้สึกสับสน
คนที่เป็นจะเริ่มลืมสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วย 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่กลับจำเรื่องราวในสมัยอดีดได้ดี เมื่อมีอาการมากขึ้่น จะค่อยๆลืมเรื่องราว ทั้งหมดไป ไม่ว่า อดีดหรือปัจจุบัน
แต่ไม่ใช่คนที่เป็นโรคขี้ลืม ลืมโน่น ลืมนี้ ลืมว่าวางอะไรไว้ตรงใหน มันคนละเรื่องกันจ้า
คนที่เป็นโรคนี้เขาจะจำไม่ได้เลย ว่าทำอะไรไปมั่ง หรือลืมอะไรไว้ที่ตรงไหน ซึ่งบางทีทำให้ญาติหรือคนในครอบครัวเข้าใจผิดคิดว่า เขาโกหกเพราะ เขาเห็นว่าคนป่วยเป็นคนทำ แต่คนป่วยก็ปฎฺิเสธ
แพทย์หญิงสิรินทร ฉันศิริกาญจน  ฝ่ายเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ภาควิชาอายุรศาสตร์
โรงพยาบาลรามาธิบดี  ท่านได้กล่าวเอาไว้
ภาพจากอินเตอร์เน็ต

ซึ่งคุณป้าของผู้เขียน ก็เป็นเช่นกัน บางวันแกนั่งมองเฉยๆ ถามไปก็ไม่พูด ถามไปสิบคำ กว่าจะพูดออกมาสักคำก็นาน จากที่เป็นคนทำกับข้าวเก่ง แกก็บอกว่าทำไม่ได้ไม่รู้จะใส่อะไรไปมั่ง 
ใส่ก่อนใส่หลัง เรียงลำดับไม่ถูก จนญาติๆ สงสัยว่าแกเป็นอะไร ก็เลยบอกแม่ให้พาไปหาหมอ เนื่องจากคุณป้าไม่แต่งงานเป็นโสด เลยให้มาอยู่กับแม่ผู้เขียน เพราะแกเลี้ยงแม่มาเมื่อตอนเป็นเด็ก เลยสนิทกับแม่ผู้เขียนมาก เมื่อไปหาหมอ ก็ได้โรคนี้มา แม่ผู้เขียนเลยต้องรับงานหนักกว่าใคร ดูแล เอาใจใส่ผู้เขียน ก็ไปถามไถ่ พูดคุยกับท่านอยู่เรื่อยๆ  สงสารท่านและสงสารแม่ตัวเองด้วย ที่มีภาระเยอะกว่าใคร

วิธีดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่่อม
รองศาสตร์จารย์ นายแพทย์วีรศักดิ์ เมืองไพศาล ภาควิชาเวชศาสตร์ผู้สูงอายุและประสาทแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงการดูแลเอาไว้ดังนี้

1. ควรทำความเข้าใจกับอาการโรคสมองเสื่อมให้ดี โดยการ อ่านหนังสือ บทความ ข้อมูลทางวิทยุ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต หรือปรึกษาแพทย์ผู้รักษาผู้ป่วย จะช่วยให้รับมือกับโรคนี้ได้
2. อธิบายให้ผู้ป่วยรู้เรื่องที่สุขภาพที่เปลื่ียนไปของตัวเอง กรณีที่เป็นไม่มากนัก ยังพอรับรู้ข้อมูลได้
3. ควรแก้ไขอารมณ์ พฤติกรรมที่เป็นปัญหามากที่สุดของผู้ป่วยก่อน เนื่องจากโรคนี้มักมีปัญหาหลายๆอย่างพร้อมกัน ให้แก้ปัญหาที่สำคัญสุดก่อน
4. ส่งเสริมให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงและให้รู้สึกมีส่วนร่วมกับครอบครัว
แต่ไม่กระตุ้นจนเกินไป
5. ควรใช้สัญชาตญาณและจิตนาการในการดูแลผู้ป่วย อย่ายึดติด กับความถูกต้องทั้งหมด
6. จัดรูปแบบการดูแลที่สม่ำเสมอ ไม่เปลื่ียนไปมา และกำหนดเวลาในการทำกิจวัตรที่แน่นอน เช่น 
กิน นอน อาบน้ำ ออกกำลังกาย เข้านอน
7. ควรสื่อสารกับผู้ป่วยเป็นประจำ บอกกับเขาว่าเรากำลังทำอะไร บอกทีละขั้นตอน เช่นอาบน้ำ 
ทำอย่างไร 
8. หลีกเลื่่ยงการวิพากษ์วิจารย์ผู้ป่วยต่อหน้า และเตือนให้ไม่ทำอย่างนั้นอีก
9. หาสร้อยหรือกำไลข้อมือ มีข้อความระบุว่ามีปัญหาด้านความทรงจำ ป้องกันการพลัดหลงจากบ้าน
10. ผู้ดูแลต้องพักผ่อนให้เพียงพอ เนื่้อจากการที่ต้องดูแลผู้ป่วยเป็นเวลานาน ทำให้อ่อนล้าได้ ความเครียด ทำให้ความอดทน ลดลงได้ หรือหงุดหงิดง่าย
11. ผู้ดูแลต้องทำจิตใจให้สดใส มีอารมณ์สดชื่น สนุกสนาน เนื่องจากคนป่วยต้องการความสนุก
เช่นคนทั่วไป ผู้ดูแลต้องอารมณ์ดี จะส่งผลดีต่อผู้ป่วย เช่นกัน

ทั้งนี้และทั้งนั้นต้องเข้าใจทั้งคนป่วยและคนดูแล เพราะอาจมีภาวะทางอารมณ์ ได้เช่นกัน

ข้อมูลจากนิตยสารชีวจิต เรียบเรียงโดยบ้านบิว เบสท์

0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น