สมุนไพรกินตามฤดู แบบโบราณ

อาหารสมุนไพร 

 

แกงส้ม ดอกแคแก้ไข้หัวลม

แกงส้มมีรสเปรี้ยวบำรุงธาตุน้ำ รสเผ็ดบำรุงธาตุลม ดอกแคมีก้านเกสรขม แก้ไข้ คนที่มีธาตุน้ำให้ปรุงแกงให้มีรสเปรี้ยวนำ ถ้าธาตุลมให้มีรสเผ็ดนำ

แกงต้มเปรอะ

แกงต้มเปรอะมีใบหญ้านางซึ่งมีรสจืดเย็น กำจัดพิษแก้ธาตุไฟ มีรสเผ็ดจากพริก มีใบแมงลัก
ขับลม บำรุงธาตุลม ส่วนผักอื่นๆ และปลาป่นบำรุงธาตุดิน

แกงเลียง

แกงเลียงมีพริกสด หอม พริกไทย กะปิ เกลือ กุ้งแห้ง และผักพื้นบ้านต่างๆ มากมาย เช่น 
บวบ ตำลึง ใบแมงลัก ผักหวาน น้ำเต้า ซึ่งโบราณทำให้สตรีหลังคลอดกิน ทำให้มีน้ำนมบริบูรณ์

ต้มยำ

ต้มยำอาหารเด็ดมีตะไครื พริก หอม ข่า ใบมะกรูด ช่วยขับลมและย่อยอาหาร มีเนื้อสัตว์ต่างๆ 
ที่ใช้สำหรับธุดิน มีรสเปรี้ยของมะนาวแก้ธาตุน้ำ

น้ำพริก

น้ำพริกต่างๆ มีรสชาดเด่นอยู่แล้ว เช่น เปรี้ยว หวาน เผ็ด เค็ม และผักจิ้มและผักลวก ผักสด
ต่างๆ มากมาย ซึ่งผักจิ้มที่ดีควรมีให้เลือกหลายรส หรือบำรุงธาตุทั้ง 4 ให้ครบถ้วน เช่น บวบ 
มะระขี้นก ยอดตำลึง ฟักทอง แตงกวา ผักบุ้ง ผักกะเฉด ผักติ้ว กระถิน ข่า ดอกข่า มะเขือ ขมิ้น
คนไทยชอบกินน้ำพริกเพื่อจะได้กินผักได้มากขึ้น และมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อร่างกาย

สะเดาน้ำปลาหวาน

สะเดา จะอออกดอกช่วงฤดูหนาว ออกดอกรับธาตุน้ำกระทบธาตุไฟ ในฤดูร้อน เพราะสะเดามีรสขม
จึงบำรุงธาตุน้ำ และธาตุไฟได้เป็นอย่างดี ช่วยปรับธาตุทั้งสองให้สมดุล ส่วนน้ำปลาหวานมีรสหวานบำรุงธาตุดิน และรสเผ็ดแก้ธาตุลม หรือจะมีปลาเผา ปลาย่างเพื่อเสริมธาตุดิน

 

เมี่ยงคำ

เมี่ยงคำเป็นอาหารปรับธาตุชั้นหนึ่ง เพราะในเมี่ยงคำประกอบด้วย ใบช้าพลู มะนาวแก้ธาตุน้ำ 
พริก หอม แก้ธาตุลม ขิง และเปลือกมะนาวแก้ธาตุไฟ มะพร้าวถั่ว น้ำตาล กุ้งแห้ง
บำรุงธาตุดิน เมื่อทำเมี่ยงคำเป็นอาหารว่าง ผู้ที่รับประทานสามารถปรุงรสตามชอบ 
เพื่อให้สอดคล้องกับ ธาตุเจ้าเรือนของตัวเอง หรือเรียกว่า ตามที่ตัวเองอยากกิน