วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ข้าวจี่

 

ข้าวจี่ คือขนมพื้นบ้านของทางภาคอีสาน ทำจากข้าวเหนียวนึ่งแล้วนำมาทาเกลือให้ออกรสเค็มๆ มันๆ โดยเป็นก้อนกลมๆหรือเป็นแผ่นแล้วนำไปปิ้งไฟอ่อนๆจากนั้นนำมาชุบไข่ไก่แล้วนำไปย่างไฟอีกรอบ

ข้าวจี่ขนมหรือของว่างทานเล่นที่ทำง่ายๆนอกจากทำทานเองแล้ว ยังทำขายเป็นอาชีพเสริมที่ทำเงิน
ที่น่าสนใจ ลงทุนน้อยขายง่าย ทำขายในช่วงเช้าปิ้งใหม่ร้อนๆ อาจทานแทนอาหารเช้าได้เลยอิ่มด้วย

เครื่องปรุงและสิ่งที่ต้องเตรียม
ข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆ
เกลือป่น
ไข่ไก่
กะทิ

วิํธีทำ

1.นำข้าวเหนี่ยวนึ่งไห้สุกพักไว้ ผสมกะทิและเกลือ คนให้เกลือละลาย

2. นำชามใบโตใส่ข้าวเหนี่ยวที่นึ่งสุกกำลังร้อนๆจะนวดหรือ ใช้ไม่พายคนให้เข้ากันแล้วปิดฝาภาชนะทิ้งไว้สักระยะ

3. ปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนกลมๆ แล้วเสียบไม้ตรงกลาง

4. นำไปย่างไฟอ่อนๆ ให้เกรียมเล็กน้อย

5. ตีไข่ให้เข้ากันปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย นำข้าวจี่ชุปไข่ ถ้าอยากให้ไข่ติดหนาๆ ก็นำข้าวจี่ชุบไข่หลายๆครั้ง

6. นำไปย่างไฟอ่อนๆ อีกครั้ง ให้เกรียมเล็กน้อย


ทำขายในช่วงเช้าปิ้งใหม่ร้อนๆ อาจทานแทนอาหารเช้าได้เลย หากต้องการมีรายได้พิเศษแต่ยังไม่รู้จะขายอะไรดี




วันพุธที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ขนมปังหน้าหมู หอมอร่อย

ขนมปังหน้าหมู เมนูทานเล่น ทำง่าย  กินเพลินๆยามว่าง การทอดที่ไม่ทำให้ขนมปังอมน้ำมัน


1. ขนมปังแซนวิช 6 แผ่น
2. หมูบด 1/2 กก.
3. ไข่ไก่ ตีพอแตก 2 ฟอง
4. ต้นหอมซอย 6 ต้น
5. รากผักชี 2 ราก
6. ซอสปรุงรส หรือซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
7. ซีอิ้วขาว 
8. พริกไทยดำและขาว ป่น
9. น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา
10. กระเทียมไทยกลีบเล็ก 8 กลีบ
11. แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา
12. น้ำมันพืชสำหรับทอด
 รับประทานคู่กับน้ำอาจาด หรือน้ำจิ้มไก่ หรือซอสพริก หรือซอสมะเขือเทศ
(ส่วนผสมปรุงรส แล้วแต่ชอบ)

 
เตรียม "หน้าหมู"

1. โขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทย ให้ละเอียดตักขึ้นพักไว้

2. นำหมูบดไส่ลงในชามใบโตๆ ตอกไข่ทั้งหมดใส่รวมกับหมูบดผสมกับส่วนผสมที่โขลกไว้
ตามด้วยซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรสน้ำตาลทราย แป้งข้าวโพด และไข่ไก่ 1 ฟอง

3. นวดให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน นวดจนเหนียว แล้วจึงนำเข้าตู้เย็นพักไว้ 10-15 นาที
  
วิธีทอด
1. นำขนมปังแต่ละแผ่น ตัดขอบออก หั่นเป็น 4 ชิ้นเท่าๆกัน  โดยการผ่ากลางแผ่นแล้วผ่าซอยอีกที 

2. ตักหมูบดทาลงบนขนมปังด้านบน ไม่ต้องหนามาก เพราะถ้าทาหนาเกินไปเวลาทอดจะสุกยาก
แล้วจุ่มขนมปังด้านที่ป้ายหน้าหมูลงในไข่ไก่

3. เทน้ำมันลงกะทะพอประมาณ รอให้ร้อน

4. นำขนมปังลงไปทอดทีละแผ่นทอดด้านที่มีหมูก่อน ทอดให้สุกกรอบเป็นสีน้ำตาล แล้วค่อยพลิกกลับอีกด้าน พอเหลืองน่ากินแล้วตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน

 

อาจาด - ใส่ตามปริมาณที่ชอบ แตงกวา 5 ผล หอมแดง 3 หัว พริกชี้ฟ้าแดง 2-5 เม็ด น้ำส้มสายชู ¼ ถ้วย น้ำตาลทราย ¼ ถ้วย หรือน้ำเชื่อม น้ำสะอาด

วิธีทำ อาจาด นำส่วนผสมน้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือ และน้ำเปล่า ตั้งไฟปานกลาง รอจนเดือด แล้วจึงปิดไฟนำออกจากความร้อน พักจนน้ำอาจาดเย็น …จึงใส่แตงกวาซอย หอมแดงซอย และพริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ
    วิธีทอดขนมปังหน้าหมู ไม่อมน้ำมัน
    ก่อนที่จะนำขนมปังมาทำให้นำไปตัดขอบและนำไปผึ่งลมให้แห้งจริงๆ แบบจะแข็ง (เพราะจะทำให้ขนมปังที่ทอดออกมาไม่อมน้ำมันและทอดได้สีสวยเสมอกันตลอดทั้งชิ้น)

    โปะหมูปรุงรส ชุบไข่ ตั้งกระทะที่ไฟปานกลาง รอน้ำมันพอร้อนจึงค่อยทอด ทอดจนสุกเหลืองทั้ง 2 ด้าน ตักขึ้นผึ่งบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมันสักพักให้น้ำมันออกมากที่สุด (ไม่งั้นขนมปังก็จะอมน้ำมันมาก ทำให้ขนมปังไม่กรอบทานไม่อร่อย) เพียงเท่านี้ก็จะได้ขนมปังหน้าหมูที่กรอบนานแน่นอน






    วันอังคารที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2560

    เล่นหมากขุม

    ย้อนเมื่อครั้งวัยเยาว์ เราเล่นหมากขุมกันสนุกมาก เพราะเมื่อก่อนไม่ค่อยมีการละเล่นอะไรมากมาย มีแต่ฝึกสมองประลองเชาว์ อย่างหมากขุม หมากรุก หมากฮอส เมื่อได้มาเล่นอีกครั้งกับเด็กๆ 

    การเล่นหมากขุม จะเล่นในยามว่างจากการงาน เล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เป็นพักผ่อนหย่อนใจ จึงเล่นได้ทั้งวัน จึงมีเรื่องเล่าดีๆ ของการทำห้องสมุดโรงเรียน เป็นความสุขของผู้ให้และความรู้ ความรัก ความสุข ที่ผู้รับได้เป็นรอยยิ้มปริ่มใจของเด็กน้อย และมีกิจกรรมมากมาย ทั้งวาดภาพ ระบายสี รวมทั้งเล่นหมากขุมเป็นการฝึกสมอง ประลองเชาว์ปัญญา เพิ่มความรู้และความสุข สนุกไปพร้อมๆกัน รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ ที่ขนมาให้ความสุขกับเด็กน้อย


    มาเริ่มเรื่องการเล่น สิ่งที่ต้องมีคือ 
    1.รางหมากขุม 
    เป็นรูปเรือทำจากไม้ ยาวประมาณ 130 เซนติเมตร กว้างประมาณ 20 เซนติเมตร มีหลุมเรียงเป็น 2 แถว หลุมกว้างประมาณ 7 เซนติเมตร ลึกประมาณ 4 เซนติเมตร มีด้านละ 7หลุม เรียกหลุมว่า เมือง หลุมที่อยู่ปลายสุดทั้งสองข้างเป็นหลุมใหญ่กว้างประมาณ 11 เซนติเมตร เรียกว่า หัวเมือง

     2. ลูกหมาก 
     นิยมใช้ลูกสวดเป็นลูกหมาก ใส่ลูกหมากหลุมละ 7 ลูก จึงต้องใช้ลูกหมาก ในการเล่น 78 ลูก

    3. ผู้เล่น 2 คน นั่งด้านละข้าง ถ้ามือยาว นั่งหัวท้ายได้
     

    วิธีการเล่น
    1. ผู้เล่นนั่งคนละข้างกับรางหมากขุม แต่ละคนใส่ลูกหมากหลุมละ 7 ลูก ทั้ง 7 หลุม หลุมหัวเมืองไม่ต้องใส่ให้เว้นว่างไว้ (คือหลุมที่อยู่หัวของรางแต่ละด้าน)

    2. การเดินหมาก ผู้เล่นจะเริ่มเดินพร้อมกันทั้ง 2 ฝ่าย เรียกว่า แข่งเมือง 
    แข่งเมือง โดยหยิบลูกหมากจากหลุมเมืองของตนหลุมใดก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะหยิบหลุมสุดท้ายของฝ่ายตนเอง เพราะคำนวนว่าเม็ดสุดท้ายจะถึงหัวเมืองของตนพอดี 
     
    การเดินหมากจะเดินจากขวาไปซ้าย โดยใส่ลูกหมากลงในหลุม ถัดจากหลุมเมืองที่หยิบลูกหมากขึ้นมาเดิน ใส่ลูกหมากหลุมละ 1 เม็ด รวมทั้งใส่หลุมหัวเมืองฝ่ายตนเอง แล้ววนไปใส่หลุมของฝ่ายตรงกันข้าม ยกเว้นหลุมหัวเมือง 
     
    เมื่อเดินลูกหมากเม็ดสุดท้ายใส่ในหลุม ให้หยิบลูกหมากทั้งหมดในหลุมนั้นขึ้นมาเดินหมากต่อไป 
    โดยใส่ในหลุมถัดไป เล่นเดินหมากอย่างนี้จนลูกหมากเม็ดสุดท้ายหมดลงในหลุมที่เป็นหลุมว่าง 
    ถือว่าหมากตาย 
     
    ถ้าเดินหมากตาย ในหลุมเมืองของฝ่ายตรงข้ามก็ถือว่าสิ้นสุดการเดินหมาก 
    ถ้าตายในหลุมเมืองฝ่ายตนเอง ให้ผู้เล่นกินหมากหลุมเมืองซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหลุมที่เราเดินหมากมาตาย โดยควักลูกหมากทั้งหมดในหลุมไปไว้ในหลุมหัวเมืองของฝ่ายตน เรียกว่ากินแทน เล่นอย่างนี้จนหลุมเมืองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมดลูกหมาก เดินต่อไปไม่ได้ ลูกหมากทั้งหมดจะไปรวมอยู่ในหลุมหัวเมืองของทั้ง 2 ฝ่าย จึงเริ่มเล่นรอบใหม่ต่อไป 
     
    3. การเดินหมากรอบสอง ผู้เล่นจะผลัดกันเดินทีละค แต่ฝ่ายที่มีลูกหมากมากกว่าจะเป็นผู้เดินหมากก่อน โดยการนำลูกหมากจากหลุมหัวเมืองฝ่ายตนเองใส่ลงในหลุม ๆ ละ 7 ลูก ในฝ่ายของตนเอง 
    ครั้งนี้แต่ละฝ่ายจะมีลูกหมากไม่เท่ากัน ฝ่ายที่มีลูกหมากน้อยจะใส่ไม่ครบทุกหลุม 
     
    หลุมใดมีไม่ครบให้นำลูกหมากที่เหลือไปใส่ในหลุมหัวเมืองฝ่ายตน 
    หลุมใดไม่มีลูกหมากเรียกว่า เมืองหม้าย ตามปกติหลุมเมืองหม้ายจะปล่อยไว้หลุมปลายแถว 
    หลุมเมืองหม้ายจะไม่ใส่ลูกหมาก ถ้าฝ่ายใดใส่จะถูกริบเป็นของฝ่ายตรงกันข้าม 
     
    ในการเล่นจะเล่นจนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมดลูกหมากเดินต่อไปไม่ได้และจะนับ เมืองหม้าย ใครมีจำนวนเมืองหม้ายมากกว่าฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายแพ้
     
    การละเล่นหมากขุมเสริมสร้างการมีสมาธิ การฝึกสมอง การวางแผน การคิดคำนวณ และมีสายตาที่ดี
    การคำนวณว่าจะเล่นอย่างไรที่ จำนวนลูกหมากในหลุม ไม่ให้หมากตาย สามารถกลับมาหยิบลูกหมากในหลุมของตนเองได้อีก 
     
    ผู้เดินหมากขุมจึงต้องมีสายตาว่องไว คิดเลขเร็ว เป็นการฝึกวิธีคิดวางแผนจะหยิบหมากในหลุมใดจึงจะชนะฝ่ายตรงกันข้าม เป็นการฝึกให้ผู้เล่นรู้จักคิดวางแผนในการทำงานทุกอย่างสามารถนำมาประยุกต์ 
    ใช้ในชีวิตประจำวัน
     
    เป็นการพักผ่อนหย่อนใจ เล่นกันได้ทุกสถานที่ทั้งภายในบ้าน ภายในชุมชน ให้ทั้งความสนุกสนาน และความใกล้ชิดระหว่างพี่น้อง ญาติมิตร


     

    วันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2560

    น้ำมะตูม หอม หวาน อร่อยชื่นใจ


    ร้อนๆ อย่างนี้น้ำมะตูม ดับกระหายคลายร้อนดีนักแล หอม หวาน สดชื่น  นอกจากใช้ดับกระหายคลายร้อนได้แล้ว ยังใช้เป็นยาสมุนไพรที่ หมอพื้นบ้านใช้ในการรักษา ใช้เป็นยาแก้ท้องเดิน ท้องเสียเรื้อรัง
    ชาวบ้านนิยมใช้ทำเป็นน้ำปานะเพื่อถวายพระสงฆ์ 

    ผลดิบแห้ง แก้ท้องเสีย แก้บิด ผลอ่อน บดเป็นผง ต้มกินแก้โรคกระเพาะอาหาร ทำให้เจริญอาหาร 
    ขับลม 

    ผลแก่ ต้มดื่มแก้เสมหะและช่วยย่อยอาหาร ราก ใช้เป็นยาแก้ปากเปื่อย แก้พิษฝี พิษไข้ ใบ นำไปคั้นดื่มแก้หลอดลมอักเสบ 

    มะตูมทั้ง 5 ส่วน (ราก ลำต้น ใบ ดอก และผล) ใช้แก้ปวดศีรษะ ลดความดันโลหิตสูง 
     

    ส่วนผสม

    1.มะตูมแห้ง 5 แว่น   2.น้ำสะอาด10 ถ้วยตวง   3.น้ำตาล 1/2 ถ้วยตวง 
    ชอบหวานมากเพิ่มได้ หรือไม่ชอบหวานก็ลดลงหรือไม่ต้องใส่


    วิธีทำน้ำมะตูมให้หอมอร่อย
    1. นำมะตูมแห้งล้างแล้วนำมาปิ้ง ให้หอม หรือจะให้วิธีคั่วในกะทะโดยใช้ไฟอ่อนๆ พอหอม 

    2. นำน้ำใส่หม้อตั้งไฟปานกลาง แล้วใส่มะตูมลงไป ต้มไปจนน้ำเดือดก็หรี่ไฟอ่อนๆ

    3. ต้มต่อจนน้ำออกสีเข้ม กรองเอากากมะตูมออก 
    4.เสร็จแล้วถ้าต้องการหวานก็เติมน้ำตาล 
    ผลมะตูมเมื่อต้มเรียบร้อยแล้วไม่ต้องทิ้ง เก็บเข้าตู้เย็น สามารถนำมาต้มหม้อต่อไปได้อีกหรือเอาไปทำมะตูมเชื่อมได้อีก


    ใช้เป็นเครื่องเคียงขนมหวานก็ได้

    สรรพคุณทางยา 
    ผล เป็นยาเย็นออกฤทธิ์ต่อกระเพาะและลำไส้ ใช้เป็นยาแก้ท้องเดิน ท้องเสียเรื้อรัง 
    มีฤทธิ์ลดความกำหนัด คลายกังวล และช่วยให้สมาธิดีขึ้น นิยมใช้ทำเป็นน้ำปานะเพื่อถวายพระสงฆ์ 

    ผลดิบแห้ง แก้ท้องเสีย แก้บิด ผลอ่อน บดเป็นผง ต้มกินแก้โรคกระเพาะอาหาร ทำให้เจริญอาหาร 
    ขับลม 

    ผลแก่ ต้มดื่มแก้เสมหะและช่วยย่อยอาหาร ราก ใช้เป็นยาแก้ปากเปื่อย แก้พิษฝี พิษไข้ ใบ นำไปคั้นดื่มแก้หลอดลมอักเสบ 

    มะตูมทั้ง 5 ส่วน (ราก ลำต้น ใบ ดอก และผล) ใช้แก้ปวดศีรษะ ลดความดันโลหิตสูง 

    มีฤทธิ์ทางวิทยาที่ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย มีสารสำคัญที่มีลักษณะเป็นเมือกคือ เพคติน แทนนิน 

    มีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีสรรพคุณช่วยรักษาอาการท้องเสียและโรคในลำไส้บางชนิด เพคตินจะไปรวมกับทอกซินของเชื้อโรคที่อยู่ในลำไส้ ทำให้อาการท้องเสียดีขึ้น

    วันพุธที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2560

    สะพานไม้หมาก 
     
    สะพานไม้หมาก ที่พาดข้ามฝาก ทั้งคลอง หนอง บึง ได้ทั้งนั้น ก็ชนบทคนบ้านนอก มักจะใช้ต้นหมากทำสะพานไว้ข้ามฝาก เพราะเป็นต้นไม้ที่ปลูกไว้ที่บ้าน และเป็นต้นไม้ที่แข็งแรงพอประมาณ ทอดสะพานไว้ได้ข้ามเป็นปีๆ นี่ก็เป็นฤดูทำนา มีเหมืองน้ำสำหรับเก็บกักน้ำ เมื่อน้ำแห้งก็ข้ามได้ง่าย แต่เมื่อน้ำหลากจะลงในน้ำก็กะไรอยู่ ทอดสะพานไว้ข้ามสะดวกกว่า

    วิธีการทำสะพาน  
    ตัดต้นหมามา 1 ต้น เอาส่วนปลายใบทิ้ง เหลือแต่ต้น ให้ยาวพอจะทอดข้ามผ่านไปอีกฝากฝั่งได้
    ใช้ไม้ไผ่ไว้ทำราวจับ ป้องกันไม่ให้ร่วง ราวไม้ไผ่ มัดด้วยเชือกหวาย หรือเชือกในลอน 



    ยังมีบทเพลงเกี่ยวกับพานไม้หมาก ของวงมาลีฮวนน่า เล่าขานตามตำนานสะพานไว้ด้วยบทเพลง
    ที่ตรงใจคนรุ่นเก่าๆ ที่เกี่ยวข้องกับ พานไม้หมาก

    พานไม้หมากที่พาดข้ามฝาก สองฝั่งครอง
    แรกก่อนน้องเคยเดินข้ามไปข้ามมาหา พี่
    ราวไม้ไผ่ มัดย่านเชือก น้ำใสๆไหลรินล่อง ลำคลองนี้
    เป็นที่เราสองพบรักกัน..


    พานไม้หมาก บทเพลงของมาลีฮวนน่า

    พานไม้หมากที่พาดข้ามฝาก สองฝั่งครอง
    แรกก่อนน้องเคยเดินข้ามไปข้ามมาหา พี่

    ราวไม้ไผ่ มัดย่านเชือก น้ำใสๆไหลรินล่อง ลำคลองนี้
    เป็นที่เราสองพบรักกัน..
    วันคืนวานที่ตรงหัวพาน ไม้หมาก..

    รักน้องมากและอยากข้ามฝาก ไปมาหาน้อง
    ชวนนั้งแหลง ร้องเพลงคู่
    น้ำใสๆไหลรินล่อง ลำคลองนี้ เป็นที่เราสองครองรักกัน

    โอ๋ สายธารวันนี้เปลี่ยนแปลง น้ำ ไหลแรงกลับแห้งเหือดหาย
    เหมือน น้ำใจน้อง ทำพี่ข้องหมองใจ
    หนีไป กับใครอยู่ไหนไม่รู้ มาวันนี้ไม่มีแล้วพาน ไม้หมาก..

    สองฝั่งฝากสะพานคอนกรีต ทอดยาวข้ามคลอง
    น้ำล่องไหล เปลี่ยนทิศทาง น้องลืมหาย หนีหน้าพ้น
    พานยิ่งใหญ่ น้องยิ่งไกล สู่เลยลับตา

    ..ดนตรี..Solo....
    โอ๋ สายธารวันนี้เปลี่ยนแปลง
    น้ำ ไหลแรงกลับแห้งเหือดหาย
    เหมือน น้ำใจน้อง
    ทำพี่ข้องหมองใจ
    หนีไป กับใครอยู่ไหนไม่รู้
    มาวันนี้ไม่มีแล้วพาน
    ไม้หมาก..
    สองฝั่งฝากสะพานคอนกรีต
    ทอดยาวข้ามคลอง
    น้ำล่องไหล เปลี่ยนทิศทาง
    น้องลืมหาย หนีหน้าพ้น
    พานยิ่งใหญ่ น้องยิ่งไกล
    สู่เลยลับตา..
    น้ำล่องไหล เปลี่ยนทิศทาง
    น้องลืมหาย หนีหน้าพ้น
    พานยิ่งใหญ่ น้องยิ่งไกล
    สู่ เลยลับตา

    วันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2560

    หมอที่ดีที่สุดคือตัวเรา โรงพยาบาลที่ดีที่สุด คือ ห้องครัว 
    ยาที่ดีที่สุด คือ อาหาร ที่มีคุณค่า การรักษาที่ดีที่สุด คือเวลา

    กินอาหารให้เป็นยา ไม่ใช่กินยา เป็นอาหาร คนสมัยนี้เป็นโรคกันเยอะ ตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่ วัยทำงาน กว่าถึงวัยชรา ก็นำมาโรคต่างๆมากมาย สู่บั้นปลายชีวิต บางคนเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก ยังวัยรุ่น เพราะการกิน เป็นโรคตั้งแต่อายุ 20 กว่าๆ ไม่ว่า ความดัน เบาหวาน ไขมัน มะเร็ง และอีกหลายโรคที่ไม่คุ้นเคย เพราะเรากินแต่อาหาร ฟาสฟูดส์ ไก่ทอด ของทอด วิปครีม และอาหารที่มีไขมันมากๆ เมื่อไปได้ครึ่งชีวิตหรือเริ่มป่วยสักครั้ง เราจึงหันมาดูแลตัวเอง ออกกำลัยกาย ซึ่งเราได้ละเลยมานาน ไม่รักตัวเอง มาดูการทำไห้ห่างไกลโรคกันว่ามีอะไร ช่วยได้บ้าง ในบางโรคบางอย่าง

    1. อารมณ์ดี หัวเราะ สามเวลา เพื่อห่างไกลจาก โรคและยา
    2. บริโภคถั่ว ตลอดชีวิต เพื่อบำรุง​อวัยวะทั้ง 5 คือ ตับ หัวใจ ม้าม ปอด และไต ควรกินทั้ง ถั่วเขียว
       ถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วขาว และ ถั่วดำ
    3. ให้กินผักดิบ ผลไม้สด​ที่สะอาดปลอดสารพิษ ถ้าเปลือกกินได้ ก็กินทั้งเปลือก
    4. กินอาหารให้ถูกต้อง เปรียบเสมือน กินยาจากธรรมชาติ​ที่ดีที่สุดนั่นเอง

    คนเราจะอยู่ได้​อย่างมีคุณภาพ​ต้องอาศัยอวัยวะทั้ง 5 คือ ตับ หัวใจ ม้าม ปอด และไต
    พื้นฐาน 4 ประการ​ในชีวิตประจำวัน คือ
      * สภาวะจิตที่สงบสุข
      * มีโภชนาการที่สมดุล
      * ออกกำลังกายพอเหมาะ
      * นอนหลับให้เพียงพอ

    ถั่วเขียวบำรุงตับ
    คนทั่วไปมักจะต้มถั่วเขียว​จนเละซึ่งไม่ถูกต้อง วิธีที่ต้มถั่วเขียว​ที่ได้ประโยชน์ ที่ถูกคือ
    1. ต้มให้น้ำเดือดประมาณ 5-6 นาที​ ก่อนที่ถั่วจะแตกเม็ด
    2. รินเอาน้ำออก​จะได้น้ำถั่วเขียว ที่มีสีเข้มข้นที่สุด ดื่มแล้ว มีสรรพคุณขับพิษสูงสุด
    3. จากนั้นเอาถั่วเติมน้ำ ต้มต่อจนเละ กินเป็นอาหาร

    โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน เกิดจากการกินทั้งนั้น ในเมื่อกินแล้ว​ทำให้เกิดโรคได้
    ก็ต้องกินแล้ว​รักษาโรคได้เช่นกัน   เรากินอาหารเพื่ออวัยวะ​ชิ้นไหนกันแน่ ?
    เราอยู่ได้ เพราะอาศัยพลังงาน​จากอวัยวะทั้ง 5

    • ตับดีชอบให้กินสีเขียว
    • หัวใจดีชอบให้กินสีแดง
    • ม้ามดีชอบให้กินสีเหลือง
    • ปอดดีชอบให้กินสีขาว
    • ไตดีชอบให้กินสีดำ

    คำว่าดุลยภาพ หมายถึง​กินหลากหลายชนิด
    • ตับมีปัญหา สีหน้าจะออกเขียว
    • หัวใจมีปัญหา สีหน้าจะออกแดง
    • ม้ามมีปัญหา สีหน้าจะออกเหลือง
    • คนไข้หอบหืด สีหน้าจะออกขาว
    • คนไข้ไตเสื่อม สีหน้าจะออกดำ

    คำถามที่น่าคิด คุณมีเงิน แต่คุณมีค่าไหม? เรามักแสวงหาสิ่งที่เราคิดว่า มีค่ามากที่สุดในชีวิต แต่สุดท้าย ทุกคนหนีไม่พ้นอนิจจัง หมั่นคิดดี พูดดี ทำดี คุณค่าของชีวิต สร้างได้โดยไม่ต้องใช้สุขภาพดีมาจากไหน ?

    ขอบคุณข้อมูลจาก คำไว้อาลัยงานพระราชทานเพลิงศพนายแพทย์ สุรพล รักปทุม

    วันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2560

    กล้วย อาหารเป็นยารักษาปากท้อง


    กล้วยน้ำว้า เป็นผลไม้ที่มีสารอาหารครบถ้วน ทั้งคาร์โบไฮเดรต เกลือแร่  เช่นแคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก วิตามินมีครบทั้ง เอ บี ซี อี และมีสารต้นอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่ ป้องกันมะเร็ง คลายเครียด  กล้วยน้ำว้า เป็นผลไม้ที่มีโปรตีน จึงเป็นอาหารสุขภาพที่หาซื้อได้ง่าย ไม่แพง 
    ดีต่อสุขภาพ ถ้าได้ปลูกเองก็ยิ่งดีใหญ่ เพราะใช้ได้ทุกส่วน ทั้งลำต้น เลี้ยงเป็ด ไก่ หมู ปลูกผัก 
    ใบใช้ห่อขนม ปลีกล้วยลวกจิ้มน้ำพริก กล้วยแก่แกง ทอด กล้วยสุกห่ามๆเชื่อม แกงบวด ต้ม ทำขนม
    กล้วยสุกพอดี กินอร่อย หวาน หรือจะตากแดด ถ้าดีขนาดนี้แล้วไม่หามารับประทานกันบ้างหรือคะ

    คนที่มีกลิ่นปากเพียงกินกล้วยสุกหลังต่ื่นนอนแล้วค่อยแปรงฟัน ทำอย่างนี้ประมาณ 1 อาทิตย์ กลิ่นปากจะหายไป


    กล้วยน้ำว้า รักษาโรคกระเพาะ หมอยาสมัยโบราณเชื่อว่าการกินกล้วยน้ำว้าจะทำไห้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ 

    กล้วยรักษาโรคกระเพาะได้อย่างไร เพราะกล้วยไปกระตุ้นให้ผนักกระเพาะสร้างเยื่อเมือกมากขึ้น 
    เยื่อเมือกนี้จะปิดแผลไห้แผลแห้งเร็ว ผู้ที่มีปัญหาแผลในกระเพาะจะมีอาการดีขึ้น กระเพาะแข็งแรงขึ้นการเป็นแผลน้อยลง กล้วยจึงเป็นทั้งยารักษาและป้องกันโรคกระเพาะในเวลาเดียวกัน

    กล้วยน้ำว้าเป็นยาเย็น ถ้ารู้สึกแสบท้องร้อนในกระเพาะให้กินกล้วยจะช่วยได้ หรือตากแห้ง คลุกกินกับน้ำผึ้ง หรือกินกล้วยสุก

    กินกล้วยคลายเครียด เพราะกล้วยมีสารที่ช่วยไห้เกิดอาการผ่อนคลาย อารมณ์ผ่องใส รู้สึกมีความสุข 

    ตำรายากล้วยกับโรคกระเพาะ
    นำกล้วยดิบมาฝานเป็นแว่นบางๆ อบแห้งอุณหภูมิ 50 องศา หรือตากแดดอ่อนๆ จนแห้ง (ห้ามใช้ความร้อนมากกว่านี้)

    นำมาบดเป็นผง กินครั้งละ 1 ช้อนชา ก่อนอาหารวันละ 3 เวลา หรือผสมน้ำผึ้งด้วยได้

    วันพุธที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2560

    โรครากประสาทถูกกดทับ


    เจอเพื่อนเขาบ่นว่าเจ็บที่บริเวณต้นคอ ด้านหลัง และชาลงมาที่มือด้วย อาการจะปวดมากเวลาเบ่งถ่าย แนะนำไห้ไปหาหมอด่วนๆ เดี๋ยวนี้โรคประหลาดมากมายที่จะทำให้เราเจ็บป่วยได้ง่ายๆ พอเพื่อนไปหาหมอได้มาเลยคะ โรครากประสาทถูกกดทับ เพราะยกของหนักๆ บ่อยๆ และนั่งทำงานนานๆ ไม่ขยับเขยื่อนร่างกาย นั่นปะไรเจอเข้าไห้โรครากประสาทถูกกดทับ


    โรคของคนนั่งทำงานนานๆ เช่นนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ นั่งเขียนหนังสือ หรือยกแบกของหนัก ทำให้กระดูกคองอ หรือหมอนรองกระดูกบริเวณคอเคลื่อนหรือบิดไปจากเดิมและกดทับเส้นประสาทที่วิ่งผ่านจากไขสันหลังออกมาบริเวณที่ข้อของกระดูกคอต่อกัน

    สาเหตุ
    1. กระดูกต้นคอเสื่อมตามอายุ หรือ มีกระดูกใหม่งอกทับรากประสาทบริเวณคอ

    2. เอ็นยืดหมอนรองกระดูกและกล้ามเนื้อคออ่อนแอ ลงทำไห้กระดูดคอหรือหมอนรองกระดูกคอเคลื่อนหรือหมอนรองกระดูกคอเคลื่อนหรือบิดกดทับเส้นประสาท

    3. กระดูกคอเคลื่อนไกดทับรากประสาทบริเวณคอ มักเป็นกับคนที่ไช้คอรับน้ำหนักมากๆ เช่นการสะบัดคอแรงๆ หรือเทินของหนักไว้ที่ศรีษะ หรืออุบัติเหตุ

    อาการ
    ปวดต้นคอ คอแข็ง ปวดร้าวและชาลงมาที่แขนและมือ มักเป็นเพียงข้างเดียวของร่างกาย ถ้าเป็นมากทำไห้แขนขาอ่อนแรง 

    ปวดร้าวหรือชาบริเวณกระเบนเหน็บลงมาตามสะโพก ต้นขา น่อง ปลายเท้าอาการปวดมากเวลาเบ่งถ่าย
    และจะปวดหลังร้าวไปที่ขาที่เส้นประสาทนั้นไปเลี้ยง

    รักษา 
    ให้เอนเซด ร่วมกับยาคลายกล้ามเนื้อ และวิตามินบี  
    บริหารกล้ามเนื้อหลังให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการยกของหนัก อย่านอนหรือนั่งในท่าเดียวนานๆ


    ข้อมูลขอบคุณครู หนังสือคู่มือร้านยาโรคและยาระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ

    วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2560

    ลูกกอ เกาลัดเมืองไทย
     
    เมื่อฤดูกาลนี้มาเยือน ก็มีลูกกอ ผลไม้ที่ออกให้ได้กินปีละครั้ง มีเฉพาะฤดูกาล และขึ้นในป่าที่ชุ่มชื้น เป็ฯต้นไม้ที่สูงใหญ่จึงจะออกลูกมาไห้ได้กินกัน อร่อยแบบบ้านนอก หากินตามธรรมชาติ นี่ก็ไปเก็บกันที่บ้านพี่สาว บ้านนาแหรงตําบล นาแหรง อําเภอนบพิตํา

     ลูกกอ ผิวด้านนอกเป็นหนามแหลมคม พอหล่นมาแตก มีลูกกอ เล็กๆ ผิวเกลี้ยงอยู่ด้านใน


      
    ลูกกอ ที่ผลสุกและแตก ทำให้ทั้งเปลือกของผลและเมล็ดตกลงมาสู่พื้นดิน (เวลาเก็บเมล็ดจะต้องระวังเท้าไปเหยียบเอาเปลือกที่มีหนาม ไม่เช่นนั้น หากหนามลูกกอตำเท้าจะทำให้เท้าปวดระบมได้)

     
     

    ได้ลูกกอมาแล้วก็จัดการนำไปแช่น้ำไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วนำไปคั่วด้วยไฟที่ไม่แรงนัก 
    ถ้าให้ดีต้องคั่วกับทราย
     
     เมื่อคั่วไปสักพัก ลองนำไปต่อยให้แตกด้วยไม้แข็งๆ ถ้าเนื้อนิ่ม สุกดีแล้วก็ยกลง

     
     
    เวลาจะกินก็นำไปต่อยให้เปลือกแตก นำเนื้อในมากินเป็นของกินเล่นโดยทั่วไป
     

































    วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2560

    กว่าจะเป็นน้ำอ้อยแสนหวาน หอม อร่อย
    น้ำอ้อยสดๆ อร่อย หอม หวาน แต่กว่าจะได้มาซึ่งน้ำอ้อยต้องฝันฝ่าใบอ้อยที่บางคม อาจบาดได้
    พันธ์ุอ้อยที่ใช้ทางที่ดีต้องใช้พันธุ์ที่ตลาดต้องการ สุพรรณ 50 ลำต้นอวบ น้ำเยอะ หอม หวาน

    ไม่ต้องปลูกเยอะก็ได้คะ แค่ 1 ไร่ก็ได้แล้ว ก่อนอื่นเช็คตลาดน้ำอ้อย มีแม่ค้ารับสินค้าที่แน่นอนอาจจะมารับถึงบ้านก็ได้ ถ้าสินค้าเรามีคุณภาพ ที่ประมาณนี้ก็ทำเป็นงานอดิเรกเสริมรายได้ อย่างสบาย 
    ตัดอ้อยปีละ  2 ครั้ง ปลูกครั้งเดียวอยู่ได้ 3 ปี บำรุง ตัดแต่ง อย่างดีได้ผลผลิตคุ้ม

      
      
    วิธีปลูก

    ก่อนปลูกยกร่องเป็นหลังเต่า แล้วก็ใส่ยูเรีย แต่อย่าใส่มากใส่แค่นิดๆ

     
    แล้วส่วนอ้อยก็สับเป็นท่อนละ 2-3ตา เอาวางๆห่างกันสัก 2 คืบ แล้วก็กลบ อย่าให้หนาเกิน 

     

    แล้วก็ฉีดยาคุมย่า แล้วก็ให้น้ำไปเรื่อยๆ พอแตกยอดได้สัก 2-3 คืบก็เข้าโคน* คือเอาดินกลบโคนต้น*   ถ้าดินไม่ค่อยดีจะเสริมปุ๋ยคอกก็ได้

     
    พอมองว่าสูงประมาณ 1-2เมตร ก็ลอกใบให้ลำต้นตากแดด อย่าลอกใบตอนเช้าเพราะจะทำให้ลำต้นแตก ต้องลอก ตอนแดดออกแล้วหรือสายๆ

     

    เมื่ออ้อยได้ช่วงเวลาที่แก่จัดแล้ว ทำการตัดเอาต้นไปทำน้ำอ้อย โดยการตัดต้น ปอกเปลือก เข้าเครื่องปั่นน้ำอ้อย แล้วได้เป็นน้ำอ้อย หวาน หอม สด ใหม่ อร่อย ได้เราๆท่านๆได้ทานกัน