วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

 ลิปบาล์มบำรุง (ลิปฟักข้าว)

เข้าหน้าหนาวแล้วมาทำลิปบำรุงริมฝีปากกันใช้กันค่ะ สูตรนี่ช่วยสร้างความชุ่มชื่นแก่ริมฝีปาก บรรเทาอาการปากแห้ง แตก ลอก ฝักข้าวทำให้ปากไม่ดำ ส่วนผสมไม่มาก ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ผลิตภัฑณ์ดีๆ นำมาเผยแพร่ไห้ ทำเองได้ ทำใช้เอง หรือจำหน่าย จ่าย แจก สูตรจากเฟสบุคส์คุณฮัซซูน่า อุมมุลนูรีฮาน เรียบเรียงโดยผู้เขียน


วัตถุดิบ
ส่วนที่1
ไขผึ้ง 20 กรัม
วาสลีน 4 กรัม
เชียร์บัตเตอ 4 กรัม
น้ำมันฟักข้าว 50 กรัม
(ใช้น้ำมันงาและน้ำมันมะพร้าวสกัด)
น้ำมันโรสฮิป 20 กรัม
 
ส่วนที่ 2
วิตามินอี 2 กรัม
น้ำมันหอมระเหย
เปปเปอมิ้น 2-3 หยด
 

วิธีทำ
1.นำวัตถุดิบส่วนที่1ใส่ภาชนะทนความร้อน แล้วนำไปตุ๋นไฟให้ละลาย
 
2.ยกลง รอคลายร้อน ใส่ส่วนผสมที่ 2 ลงไป คนให้เข้ากัน เทใส่ตลับหรือหลอด รอเย็น ปิดฝาพร้อมใช้




 

 

 น้ำมันว่านงาช้าง

ว่านงาช้างหรือหอกสุรกาฬ เป็นสมุนไพรโบราณอีกชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณน่าสนใจ ช่วยเรื่องสิวฝ้า ลดริ้วรอย ทำไห้หน้าชุ่มชื้น

ว่านงาช้างเป็นไม้ล้มลุก มีลำต้นใต้ดิน มีลำต้นหรือใบทรงกลมสีเขียวเปลือกแข็ง ด้านในใบสีขาวมีเสี้ยน  อยู่ขึ้นจากดิน รูปร่างคล้ายงาช้าง ดอกออกเป็นช่อ ดอกย่อยสีขาว มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ผลมีลักษณะกลม ขนาดเล็ก ประมาณ 0.5-1 ซม. ผลมีส้ม เมื่อสุกจัดจะมีสีแดง

ว่านงาช้าง ใช้รักษาโรคภัยต่างๆ โบราณยังเชื่อว่าสามารถปลูกไว้ป้องกันภัยร้ายไม่ไห้มากร้ำกรายคนในบ้าน นอกจากนี้ยังใช้เป็นยารักษาเกี่ยวกับสตรี เช่นแก้ฝ้า รักษามดลูก ลดริ้วรอย

 
น้ำมันว่านงาช้าง
วัตถุดิบ
1.ว่านงาช้าง 300 กรัม
2.บอระเพ็ด 200 กรัม
3.น้ำมันงาสกัดเย็น 800 มล.
4.น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น 200 มล.
 
วิธีทำ
1.สมุนไพรเลือกที่สมบูรณ์ดี นำมาล้างน้ำให้สะอาด ผึ่งให้แห้ง 
 
 
2.นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เอาไปตำหยาบด้วยครก
 
 
 
3.ใส่สมุนไพรที่ปั่น ลงเคี่ยวไฟอ่อนสุด จนสมุนไพรเริ่มกรอบ น้ำมันเขียวใสไม่ขุ่น และมีกลิ่นหอม
 
 
 
4.ยกลงจากเตารอให้คลายร้อน กรองกากด้วยผ้าขาวบาง 2-3 ครั้ง 
 
 
 
5.นำน้ำมันที่ได้ ขึ้นตุ๋นไล่ความชื้นอีกครั้ง จะทำให้มีสีสวยใสยิ่งขึ้น
 


6. นำน้ำมันที่ได้ บรรจุขวดไว้ใช้หรือจำหน่าย


วิธีใช้น้ำมันว่านงาช้าง
  หมักผม 40 นาทีก่อนล้างหรือสระ 
  นวดหน้าก่อนนอน มาล้างตอนเช้า
  นวดหน้าก่อนลงไนท์ครีม/นวดบำรุงระหว่างวัน

 

ข้อมูลและภาพจากเฟสบุค ฮัซซูน่า อุมมุลนูรีฮาน

 

 

 

 

ปลาเมียง ชื่อเรียกปลาชนิดนี้ของชาวบ้าน ต.หัวตะพาน แต่ละพื้นที่มีชื่อเรียกปลาแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน  ปลาเมียงหรือปลาแก้มช้ำ เป็นปลาน้ำจืด มีรูปร่างป้อมกลม แก้มและตาด้านบนมีสีแดงออกส้ม เป็นปลาน้ำจืด เนื้อหวาน นุ่ม ก้างนิ่ม นิยมนำมาแกง หรือทอดขมิ้น

 

แก้มและตาด้านบนมีสีแดงออกส้ม หัวและปากเล็ก หลังแก้มสีดำคาดฝาปิดเหงือกยาวมาถึงครีบ มีเกล็ดสีขาวใหญ่หนาและแววเหมือนสีขาวเงิน 

 
หลังสีน้ำตาลอ่อน แก้มและตามีสีแดงออกส้มเหมือนรอยช้ำ อาจจะเป็นที่มาของชื่อปลาชนิดนี้ 

ครีบใต้ท้องมีสีแดง  หางแฉกด้านในจะมีแถบสีส้มเข้มสีอ่อนและสีดำอยู่ที่ขอบทั้งสองแฉก มีจุดสีดำที่หาง

 



วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

ปลิงควาย เป็นสิ่งที่บางคนกลัวเช่นผู้เขียน เป็นความทรงจำตอนเด็กๆเล่นน้ำตอนน้ำท่วมเพลินๆ มือจับโดนอะไรลื่นๆจับยืด จับยืด ก้มดูว้าย...ปลิงควายตัวเบ้อเร่อขบ(กัด)ติดครี่งต้นขา ใช้ปากกัดเจาะกินเลือด มีทับประมาณมือจับเพื่อยึดตัวไว้ ตัวเป็นปล้องๆ ท้องเขียวปั๊ด เข็ดขยาดตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ เจ้าปลิงตัวร้ายขบ(กัด)เมื่อไหร่เลือดกระฉูด แถมดึงออกยาก ดึงแล้วมันจะยืดตัวได้ยาว (เรียกว่าคืบ) การยืดตัว

ปลิง เป็นสัตว์ชอบน้ำนิ่งๆ ใสๆ ช่วงน้ำท่วมหรือในหนอง คลอง บึ่ง ในนา ตอนน้ำแห้งปลิงจะฝังตัวอยู่ในดิน ปลิงมี 2 ชนิด 1. ปลิงเข็ม ตัวเล็กมาก  2. ปลิงควาย ตัวใหญ่ มีเส้นสีดำชัดเจนอยู่ด้านบนตัว ท้องมีแถบสีเขียวกับสีแดงส้ม          

เมื่อปลิงขบ (เป็นภาษาท้องถิ่น ปลิงกัด) สิ่งที่ทำไห้ปลิงหลุดจากตัวคือ 1. ยาเส้น 2. ขี้เถ้าถ่าน 3.แอลกอฮอล์ 4. ยางมะละกอ 5. ไฮเตอร์ 

สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ เด็กๆไม่ควรเล่นน้ำ ปลิงอาจจะเข้าทวานและอัวยวะเพศ สมัยก่อนไห้เด็กกินน้ำผึ้ง หรือไปไห้แพทยดึงออกด้วยเครื่องมือ และปลิงก็มีส่วนดีคือใช้ รักษาโรค ตามแพทย์กำหนดหรือเป็นสินค้าส่งออก 

 

ปลิงจะอยู่ในน้ำนิ่งๆ เมื่อน้ำมีการสั่นกระเพื่อมปลิงจะว่ายน้ำมาเกาะ ที่แข้ง ขา หรือเวลาลุยน้ำ หรือการจับสัตว์น้ำ หาปลา ก็หนีไม่พ้นการลงน้ำและเจอปลิง แม้กระทั่งบริเวณปลูกผักบุ้ง หรือเวลาน้ำในคู เหมืองแห้ง ปลิงก็จะฝังตัวอยู่ในดิน ฝนเริ่มตก มันก็คืบออกมาจากที่ฝังตัว

 

 

 

 นกเอี้ยงเลี้ยงควาย

 

นกเอี้ยงเลี้ยงควาย เป็นการเปรียบเปรย การทำงานหนักไม่เอา เบาไม่สู้ เอาแต่ความสบายของตัวเอง โดยการที่นกเอี้ยง เกาะบนหลังควาย แท้ที่จริงแล้ว นกเอี้ยงคอยจิกแมลงที่มาเกาะตามตัวเจ้าควาย โดยไม่ต้องบินไปอาหารเอง เป็นการเลี้ยงควายหรือการคอยดูแลควายไม่ไห้มีแมลงมากัดผิวหนังควาย  มองอีกมุมเป็นการพึ่งกันและกันมากกว่าการเอาเปรียบ เพราะแมลงที่มากัดกินเลือดควายทำไห้ควายคัน คอยสะบัดไล่ ใช้หางสะบัดไล่แมลงเหล่านั้น แต่เมื่อนกเอี้ยงมาเกาะบนหลังควาย ก็คอยดูจิกกินแมลงเหล่านั้น ดั่งคำร้องสอนไห้เด็กๆฟังเมื่อสมัยก่อน จนท่องได้ขึ้นใจสั้นๆ  


.. นกเอี้ยงเลี้ยงควายเฒ่า... ควายกินข้าวนกเอี้ยงหัวโต    หัวโตๆกิโลห้า บาท ..... หัวขาดๆ กิโลบาทเดียว  แปลความหมายได้ว่า นกเอี้ยงเอาเปรียบควาย โดยการเกาะหลังไป เมื่อควายกินข้าว ไม่มีแมลงคอยเกาะหลัง นกเอี้ยงก็ไม่มีอาหารกิน......

ร้องลำแขกไซ อาขยานดอกสร้อยสุภาษิต ของหลวงวิจิตรวาทการ เกี่ยวกับนกเอี้ยง * จากอินเตอร์เน็ต*

"นกเอี้ยงเลี้ยงควายเฒ่า"

นกเอ๋ยนกเอี้ยง

คนเข้าใจว่าเจ้าเลี้ยงซึ่งควายเฒ่า

แต่นกเอี้ยงนั้นเลี่ยงทำงานเบา

แม้อาหารก็ไปเอาบนหลังควาย

เปรียบเหมือนคนทำตนเป็นกาฝาก

รู้มากเอาเปรียบคนทั้งหลาย

หนีงานหนักคอยสมัครงานสบาย

จึงน่าอายเพราะเอาเยี่ยงนกเอี้ยงเอย…..

https://archive.mfu.ac.th/division/affairs-new/download/doksroy.pdf

https://m.se-ed.com/Product/Detail/9786160409860

https://th.wikisource.org/wiki

https://www.youtube.com/watch?v=eyjLxu-rEHA

 

ดีดลูกแก้ว เป็นการเล่นแบบบ้านๆ ของเด็กแถบชนบท ไม่ต้องมีกฎเกณฑ์มาก เล่นเพื่อความสุข ความสนุกตามประสาเด็กๆ แต่ต้องมีกติกาในการเล่น จะเล่นกี่คนก็ได้ ไม่จำกัดจำนวน แค่มีอุปกรณ์คือ ลูกแก้ว และหลุมขุดดินไห้เป็นหลุมตื้นๆ 1 หลุม  

การเล่นดีดลูกแก้วมีประโยชน์มาก เช่นสายตาต้องแม่นยำ ประสาทต้องว่องไว เด็กเล็กเด็กโตเล่นได้หมด

 

วิธีเล่น จับไม้สั้นไม้ยาว หรือฉูฉี่ คว่ำหงาย ใครชนะจะได้เล่นก่อน โดยการดีดลูกแก้วที่ปากหลุมแล้วดีดไห้ลงหลุม และดีดลูกต่อไปลงหลุมไห้หมด ถ้าดีไม่ลงหลุม ถือว่าตายไห้คนต่อไปเล่น

วิธีดีด วางลูกแก้วที่ปากหลุม เล็งลูกแก้วไห้ตรงปากหลุมใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ ในการดีด