เนื้อผลนำมาปรุงอาหารแทนรสเปรี้ยว (ลูกอ่อน-ลูกแก่) เช่นยำลูกมุด แกงส้ม แกงเทโพ แกงกะทิกับหมู (ก่อนนำมาทำอาหารต้องปอกเปลือกแล้วแช่น้ำเกลือ ล้างยางออกไห้หมด)
ลูกที่สุก หล่นจากต้นยังมีรสเปรี้ยวไม่นิยมกินต้องบ่มอีก 1-2 คืน จึงหวานดี ผลสุกไม่ค่อยมียาง แต่ตอนหล่นใหม่ๆจะมียางที่ขั่วผลทำไห้ระคายเคืองผิวได้ คนภาคใต้นิยมปลูกได้ในบริเวณบ้าน 1-2 เพื่อบริโภค ปีละครั้งที่ลูกมุดจะเป็นไห้ได้กิน
ต้นมุด เป็นไม้ยืนต้น สูง 4-10 เมตร เปลือกสีน้ำตาลคล้ำแตกลาย ด้านในเปลือกสีน้ำตาลแดง ถ้ามีรอยแผลจะมียางสีขาวขุ่นซึมออกมาเป็นเม็ดๆ
ผล อ่อนหรือแก่ ถ้าสอยจากต้น ก็จะมียางสีขาวไหลออกจากผล ทำไห้ผิวหนังไหม้ได้
ใบ สีเขียวเข้มแข็ง มันวาว มีลายเส้นชัดเจน เป็นคลื่นใบกรอบ
ดอก มีขนาดเล็กสีชมพู กลิ่นหอม ออกดอกเป็นช่อใหญ่ตามปลายกิ่ง
ผล หากสอยร่วงหล่นจากต้น จะมีน้ำยางสีขาวไหลออกจากขั้วผลทันที ทำไห้ไหม้ผิวหนังได้ หากยางแห้งแล้วจะมีสีน้ำตาลติดที่ผล
ผล มีทั้งผลทรงกลมและผลทรงรี ตามสายพันธุ์แต่จะมีจุดประดำๆ ทั่วทั้งลูกเหมือนกัน
เมื่อมียังอ่อน (ยังไม่เข้าพรก ภาษาท้องถิ่น) คือก่อนจะแก่เนื้อหุ้มเมล็ดยังไม่แข็ง นำมาประกอบอาหารได้ เช่นยำ เช่นยำชีคราม ยำลูกมุดกับหนังหมู ยำพร้าวคั่ว แกงส้ม ผลสุก รับประทานเนื้อผล
ผลสุก เนื้อจะเหลือง มีเสี้ยนเล็กน้อยสำนวนใต้เกี่ยวกับลูกมุด ยำมุด คือมีความมั่วรวมๆ หล่นเหมือนลูกมุด คือร่วงกราว
ยำลูกมุดกับหนังหมู นำลูกมุดอ่อน ปอกเปลือกแช่น้ำเกลือ ล้างไห้สะอาด สับๆ เป็นชิ้นเล็กๆ มะพร้าวคั่ว ถั่วคั่ว พริกสด หอมแดงซอย น้ำตาล เกลือป่น ขยำไห้เข้ากัน หนังหมูลวก หั่นบางๆ ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน
แกงส้มปลากับลูกมุด
เตรียม
1. นำลูกมุดอ่อน ปอกเปลือกแช่น้ำเกลือ ล้างไห้สะอาด ผ่าครึ่งหั่นชิ้นขนาดพอดี
2. ปลาน้ำจืด หรือปลาทะเล ทำความสะอาด ล้างพักไว้
วิธีทำ
1. ตั้งน้ำ เติมเครื่องแกงส้ม กะปิ น้ำตาล รอไห้เดือด
2. นำปลาลงในหม้อ รอไห้เดือด ใส่ลูกมุดที่เตรียมลงไป ปรุงไห้สุกชิมรส ตักใส่ถ้วย
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น