วันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2560

เลือดออกตามไรฟัน

เลือดออกตามไรฟัน อย่าคิดว่าไม่เป็นอะไร อันตรายเหมือนกันคะ เพราะนานๆไปจะทำให้เหงือกอักเสบ
เมื่อเราแปรงฟันแล้วเห็นเลือดติดมากับแปรงหรือน้ำลายที่บ้วนปากไป อย่านิ่งนอนใจนะคะ เพราะเราคิดว่าขาดวิตามินซี เพราะเราจะมองข้ามเรื่องเหงือกอักเสบ หรือโรครำมะนาด ทำให้เลือดออกได้ง่าย ลองกลับมาใช้สมุนไพรไทยดูแลสุขภาพเหงือกหน่อยจะเป็นไร รักษาดูแลเสียแต่เนิ่นดีแน่นอน

เตรียมสมุนไพร
1. ขิงสดปอกเปลือก ล้างให้สะอาด 
2. หั่นแล้วบดให้ละเอียด 1 ช้อนชา เติมเกลือลงไปเล็กน้อยประมาณ 1/4 ช้อนชา ผสมให้เข้ากันดี


วิธีการนำไปใช้
นำมาทาที่บริเวณเหงือกที่อักเสบวันละ หลายๆครั้ง อาการบวมของเหงือกจะหายเป็นปกติไปเอง

สมุนไพรตัวต่อไป
กานพลู ตำผสมกับเหล้า นำไปอุดรอฟัน

ใบมะนาวต้มกับเกลือ นำมาอม

วันอังคารที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2560

เรื่องดีๆ ที่ต้องเล่า หัวข้อเบาใจ ไขปัญหาชีวิต


เมื่อวานได้ไปอบรบ หัวข้อเบาใจ ไขชีวิต ได้ข้อคิดมาเยอะเลย เป็นการพูดคุยในเรื่องที่บางทีเราคิดไปไม่ถึง เมื่อถึงเวลาวิกฤติของชีวิต บางครั้งการตัดสินใจแค่เสี้ยววินาที กับคนที่เรารักให้มีชีวิตอยู่ต่อ หรือ ไปโดยตามธรรมชาติ เช่น การปั๊มหัวใจ เพื่อให้ฟื้นคืนชีพ แล้วมานอนเป็นผักเพิ่มภาระให้ตัวเองและครอบครัว ต่างความคิด ต่างความเห็น แต่สุดท้ายก็อยากจะมาตายที่บ้านกันทุกคน... แต่ก่อนจะตายยามเจ็บป่วยไข้ อยากให้ลูกหลานอยู่ดูแล ใกล้ชิด อยากให้ลูกหลานนวดสัมผัส ยามปวดเมื่อยจากการนอนนานๆ หรือนอนติดเตียง


จากส่วนตัวเจอวิกฤตินี้มาแล้วเมื่อตอนพ่อตาไม่สบายก่อนจะจากไปได้อยู่กับท่านในวาระสุดท้ายของชีวิต แต่ต้องยืนยันตามเจตนาเดิมของท่านด้วยส่วนหนึ่ง เป็นเครื่องตัดสินใจให้ท่านไปอย่างมีความสุข

เรื่องมีอยู่ว่า ท่านไม่สบายเจ็บออดๆแอดๆ มาเป็นเวลานาน เริ่มจากโรคหัวใจ และโรคหอบ โรคเก๊า 
รุมประเดประดังเข้ามา วิ่งเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ตอนนั้นท่านยังพูดได้ แต่กินไม่ค่อยได้ 
ถามไถ่อาการ ท่านว่าคอแห้ง กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เออ..นี่นะ โรคคนแก่ ต่อมาก็แน่นหน้าอก นอนไม่ได้ ต้องนั่งฟุบหน้ากับขอบเตียง ไปโรงพยาบาล ให้น้ำเกลือ บ่นแต่อยากตาย อยากตาย เราก็ถามว่าจะรีบไปไหน หลานๆยังเล็กอยู่เลย รอให้หลานโตก่อนนะ 

พ่อพูดขึ้นว่า ลูกไม่รู้ว่ามันเจ็บปวดทรมานขนาดไหน  เออนะ เท่าที่เราเห็นก็แสนทรมานใจตัวเอง
ท่านคงจะเจ็บปวดมากสินะ เมื่อวาระสุดท้ายของท่านมาเยือน ท่านจะกระสับกระส่าย ทุรนทุราย พลิกตัว ปวดฉี่ ปวดขี้ ตลอดเวลา 

ประเดี๋ยวหมอก็มา บอกว่าต้องปั๊มหัวใจให้ถ้าคนไข้อาการแย่ลงกว่านี้ ซึ่งเราบอกว่า คนใช้ต้องการไปอย่างธรรมชาติ หมอบอกว่าถ้างั้นช่วยตามอาการ เช่นปวดก็กินยาลดปวด หายใจไม่ออกก็ให้อ๊อกซิเจน เราตอบตกลง หมอให้ญาติเซ็นเอกสาร ยินยอม และเมื่อเวลาเดินมาถึง ท่านก็จากไปอย่างสงบ ไม่เจ็บปวดอีกแล้ว

 กรณีปั๊มหัวในฟื้นคืนชีพ ทำให้คนไข้เจ็บปวดจากการใช้เครื่องปั๊ม การใส่ท่อไปที่ขั้วปอดนั้นทำให้เจ็บปวดมาก จะแสบที่ในคอและเลือดออก การปั๊มหัวใจด้วยเครื่องก็อาจจะทำให้ซี่โครงหักทิ่มปอดได้
เป็นความรู้ที่ป้าข้างบ้านท่านได้ผ่านจุดนี้มาแล้วเล่าให้ฟัง ท่านบอกกับลูกหลานว่าถ้าท่านเป็นอะไรไปอีก อย่าทำให้ท่านฟื้นขึ้นมาอีกเลย เพราะการช่วยชีวิตนั้นทำให้เจ็บปวดจากการสอดท่อและซี่โครง และทำให้ตัวท่านช้ำ เจ็บเป็น 2 เท่า .... แล้วท่านจะฟื้นขึ้นมาเจ็บปวดอีกทำไม
 

เพราะชีวิตและความตายเป็นเรื่องที่เราพูดคุยกับคนในครอบครัวได้ การพูดคุยเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งจะเปิดโอกาสให้ได้ทบทวนตนเอง และเข้าใจคนรอบข้างมากขึ้น ก่อนถึงวันที่การพลัดพรากจะมาถึง และเมื่อถึงเวลาวิกฤติของชีวิตก็จะทำให้เรารับมือได้อย่างเท่าทัน

บทสนทนาหัวข้อ เบาใจ ไขชีวิต เรื่องชีวิตและความตาย ที่จะช่วยสํารวจความต้องการเมื่อท่านเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของชีวิต ทั้งทางด้านกาย ใจ สังคม และปัญญา เพื่อความพร้อมรับมือกับความเจ็บป่วยและการพลัดพราก




วันอังคารที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2560

สมุนไพรไทยใช้แก้อาการจุกเสียด


อาการจุกเสียดแน่นเฟ้อ  แสบท้อง ร้อนในอก เมื่อมีกรดในท้องไหลกลับไปยังหลอดอาหาร อาการเหล่านี้จะเกิดมากเมื่อการรับประทานอาหารมื้อค่ำ  ไม่ว่าจะนอนราบ หรือก้มตัว แต่เมื่อมีอาการดังกล่าวบ่อยครั้ง ควรปรึกษาแพทย์ หรือใช้สมุนไพรไทย ที่ช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้

สมุนไพรที่ใช้แก้จุกเสียดมีดังนี้

1. ตะไคร้แก่ สดหรือแห้ง 1 -3 ต้น ทุบให้แตก ต้มดื่มครั้งละ 1 ถ้วยกาแฟ
ดื่มก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น หรือเมื่อมีอาการ

2. กระเทียมสดๆ ครั้งละ 5 กลีบ เวลามีอาการ

3. ใบกระเพราสดหรือแห้ง 1 กำมือ ต้นเอาน้ำดื่มครั้งละ 1 ถ้วยกาแฟ 
ดื่มก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น

4. ขิงแก่ สดหรือแห้ง ขนาดเท่าหัวแม่มือ ทุบให้แตก ต้มน้ำดื่มครั้งละ 1-2 ถ้วย 
ดื่มก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น หรือเมื่อมีอาการ 

5. ข่าแก่ สดหรือแห้ง  ขนาดเท่าหัวแม่มือ ทุบให้แตก ต้มน้ำดื่มครั้งละ 1-2 ถ้วย 
ดื่มก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น หรือเมื่อมีอาการ

6. เหง้ากระทือสด ขนาดเท่า 2 หัวแม่มือ นำมาปิ้งไฟฝนกับน้ำปูนใสครึ่งแก้ว 
ดื่มก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น หรือเมื่อมีอาการ

7. กระชาย สดหรือแห้ง นำมาฝานเป็ฯแผ่นบางๆ 1 หยิบมือ นำมาต้มเอาน้ำดื่มครั้งละ 1 ถ้วยกาแฟ
ดื่มก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น หรือเมื่อมีอาการ
กระชาย บำรุงตับ ไต บำรุงหัวใจ แก้จุกเสียด

 
กระชายมีน้ำมันหอมระเหยซึ่งมีอุดมไปด้วยวิตามินมากมาย ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี 12 รวมทั้งแคลเซียม และธาตุเหล็ก นอกจากนี้ก็ยังพบสารเคอร์คูมิน ที่มีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบ 

มีสารต้านอนุมูลอิสระอีกมากมาย ที่ช่วยป้องกันไม่ให้สารอนุมูลอิสระมาทำลายเซลล์ในร่างกาย อันเป็นสาเหตุของริ้วรอยแห่งวัย และโรคมะเร็งบางชนิด

หมอพื้นบ้านของไทย นำเหง้ากระชายไปใช้ในการรักษาแผลในปาก แก้กลาก และเกลื้อน และไม่เพียงในเหง้าเท่านั้นที่มีประโยชน์   

รากกระชายนั้นยังมีกรดคาวีซินิค (Chavicinic Acid) ซึ่งมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้มากมายหลายชนิด 

การนำสมุนไพรกระชายมาใช้เมื่อมีอาการจุกเสียดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง 
วิธีทำ 
ใช้เหง้าหรือรากระชายสด แห้ง นำมาฝานเป็นแผ่นบางๆ 1 หยิบมือ ต้มเอาน้ำดื่มครั้งละ 1 ถ้วยกาแฟ 
กินก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น หรือเมื่อมีอาการ

สรรพคุณกระชาย
1.ช่วยบำรุงตับ ไต แข็งแรง
2.ช่วยฟื้นฟูต่อมไทรอยด์ ต่อมใต้สมอง
3.ช่วยบำรุงเส้นเอ็นให้แข็งแรง กระดูกไม่เปราะบาง
4.ช่วยให้เส้นผมไม่หงอกก่อนวัยเล็บมือ เล็บเท้า แข็งแรง
5.ช่วยปรับสมดุลความดันโลหิตให้พอดี ไม่ให้สูงมากหรือต่ำมากเกินไป
6.ช่วยบำรุงหัวใจ ระบบกล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง เต้นสม่ำเสมอ ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้ดีขึ้น
7.ช่วยปรับฮอร์โมนเพศหญิง คือ เอสโตรเจน และฮอร์โมนเพศชาย คือ เทสโทสเตอโรน ซึ่งอยู่ในร่างกายทุกคน ไม่ว่าผู้หญิงหรือชาย

ข้อควรระวัง กระชายก็ยังมีผลข้างเคียง โดยเฉพาะกระชายดำ การบริโภคกระชายดำต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจจะทำให้เกิดอาการเหงือกร่น และอาจเกิดอาการใจสั่นได้ 
***ทั้งนี้ยังไม่ควรใช้ในกลุ่มผู้ป่วยโรคตับ และเด็ก  
***ก่อนจะใช้ยาสมุนไพรใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชก่อนจะดีที่สุด

วันจันทร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560

ความกลัวของเด็กน้อยวัยก่อนเรียน


เด็กก่อนวัยเรียนมักจะผ่านความกลัวที่แตกต่างกัน แต่ความกลัวของเด็กเกิดขึ้นจริง แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือมองดูขำขันตลกๆ แต่พ่อ แม่อย่าทำเฉยเมยหรือมองข้ามความรู้สึกนี้ของลูกไป โดยมากจะอยู่ไม่นานและหายไปเร็วหาก พ่อ แม่ เข้าใจและยอมรับความรู้สึกนั้น แต่เด็กบางกลัวเพราะโดนผู้ใหญ่หรือคนเลี้ยง หลอก เช่นหลอกว่า อย่าลงน้ำเดี๋ยวจระเข้กัด อาจทำให้เด็กไม่กล้าลงน้ำแม้จะมีคนสอน หรือว่ายน้ำไม่เป็น หลอกให้กลัวความมืด กลัวเสียงต่างๆ

สาเหตุความกลัวของลูก  ลูกมีความอ่อนไหวต่อสิ่งรอบตัว
ลูกไม่รู้ว่าสิ่งที่กลัวคืออะไร / ลูกไม่คุ้นเคยกับสิ่งที่กลัว และยังมีประสบการณ์น้อย  
ขนาดของสิ่งที่ลูกกลัวนั้นใหญ่กว่าตัวลูกค่อนข้างมาก / ลูกจำอะไรได้มากขึ้น
ลูกมีจิตนาการที่กล้างไกล / ลูกมีความเปลื่ยนแปลงเร็วและเคลื่อนที่ได้มากขึ้น 

ความกลัวโดยทั่วไปของเด็กในแต่ละวัย 
 
0 เดือน  - ไม่รับรู้ความกลัว
 
7 เดือน - เริ่มมีความกังวลเมื่อแยกจาก พ่อ แม่ หรือคนเลี้ยง

1 ปี - เริ่มกลัวสิ่งต่างๆ ที่ พ่อ แม่ อาจนึกไม่ถึง เช่นลูกบอล หรือ สิ่งอื่นๆ 
กังวลเมื่อแยกจากจาก พ่อ แม่หรือคนเลี้ยง กลัวเสียงดัง กลัวสิ่งที่ขยับได้ 

2 ปี -  กังวลเมื่อแยกจากจาก พ่อ แม่หรือคนเลี้ยงเพราะมีความเป็นอิสระและความมั่นใจมากขึ้น แต่เมื่อมีอะไรทำให้ประหลาดใจก็จะกลัว หรือกลัวเสียงดัง สิ่งที่ขยับได้

4 ปี - กลัวความมืดและสิ่งที่ไม่รู้จัก ความกลัวนี้อาจจะถึงจุดสูงสุดเมื่ออายุ 5 ปี ลูกอาจจะมีความกลัวเนื่องจากสิ่งที่เห็นแล้วเก็บไปฝัน



5 ปี -  ความกลัวเป็นรูปธรรมมากขึ้น เพราะลูกเริ่มรู้ว่าอะไรจริง อะไรเป็นความฝันหรือจินตนาการ 
ลูกอาจจะกลัวสัตว์ หรือภัยต่างๆ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว ไฟไหม้

6 ปี - ความกลัวในเวลากลางคืนมีมากขึ้น กลัวความมืด กลัวสัตว์ประหลาด กลัวคนไม่ดี เป็นต้น 
มีความกลัวเป็นรูปธรรมที่ได้ผ่านการกลั่นกรองทางด้านความคิดมาแล้ว