น้ำหมักลูกยอ
ว่าเรื่องลูกยอ นั้นมีสรรพคุณมากมาย กินได้ทั้ง ยอด ใบ ผล ผลอ่อน ผลแก่ และ ผลสุก ทั้งสด
และหมักดอง ลวกจิ้ม ก็ยังได้ เช่น ใบอ่อนนำมาลวกกินกับน้ำพริก แกงจืด แกงอ่อม หรือใช้รอง
กระทงห่อหมก ผัดไฟแดง
ลูกยอสุกกินกับเกลือหรือกะปิ ลูกห่ามใช้ตำล้มตำ
ปัจจุบันมีการนำลูกยอไปคั้นเป็นน้ำลูกยอ ใช้ดื่มเป็นยาลดความดันโลหิต
ทำให้นอนหลับ
ป้องกันโรคภูมิแพ้
ผู้เขียนจำได้ว่าตอนเป็นเด็ก ปู่ต้องนำใบยอส่วนยอดที่มีใบเพสลาดจนถึงยอดอ่อนมาลวกจิ้ม
รับประทานเป็นผักเหนาะอยู่ประจำ แต่เป็นยอบ้านนะค่า เพราะสมัยก่อนไม่มียอพันธ์ที่ลูกใหญ่ๆ
เพราะยอบ้านนั้นมีสรรพคุณเหลือหลาย ลูกก็นำมาจิ้มเกลือ ท่านบอกว่าอร่อย เราก็ยี้ไม่กิน
เพราะขมบ้าง เหม็นเขียวบ้าง ก็เด็กนิค่ะ กินของแบบนั้นไม่เป็น และไม่รู้ว่ามีประโยชน์มากเพียงไร
ปู่ยังบอกอีกว่า ยอบ้านนั้นเข้ายา คือใช้ทำเป็นยารักษาโรค
ส่วนพ่อนั้น ชอบกินข้าวยำ ทำข้าวยำเมื่อไหร่ต้องมีใบยอเป็นส่วนประกอบ ซึ่งท่านจะนำใบยออ่อนๆ
แล้วกรีดแกนกลางใบออกก่อน ท่านบอกว่ามันจะทำให้ขม
ต้นและลูกยอบ้าน หรือยอป่า ใบจะแคบเรียวและเขียว กว่ายอพันธ์ที่ลูกใหญ่ๆ
ยอพันธ์ุปัจจุบัน ที่นิยมปลูกกัน ลูกอย่างใหญ่ ใบแบนกล้างใหญ่ ช่างแตกต่างกันมาก
แต่คุณประโยชน์ ก็ใกล้เคียงกัน ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ เพราะยอบ้านหรือยอป่านั้นหายากแล้ว
ในปัจจุบัน ที่บ้านก็มีต้นยอพันธุ์ปัจจุบันที่เขานิยมปลูกัน อยู่ 1 ต้น เก็บผลได้ วันละ 1-3 ผล
หรือ 2-3 วัน เก็บได้ครั้งเพราะต้องรอให้ผลแก่ดีเสียก่อน
แต่คุณประโยชน์ ก็ใกล้เคียงกัน ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ เพราะยอบ้านหรือยอป่านั้นหายากแล้ว
ในปัจจุบัน ที่บ้านก็มีต้นยอพันธุ์ปัจจุบันที่เขานิยมปลูกัน อยู่ 1 ต้น เก็บผลได้ วันละ 1-3 ผล
หรือ 2-3 วัน เก็บได้ครั้งเพราะต้องรอให้ผลแก่ดีเสียก่อน
ต้นยอเป็นต้นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ใบใหญ่หนาสีเขียวสด
ดอกเล็กสีขาวเป็นกระจุก ผลกลมยาวรี
มีตาเป็นปุ่มโดยรอบผล ลูกอ่อนสีเขียวสด
เปลี่ยนเป็นสีขาวนวลเมื่อสุก มีประโยชน์และ
มีสรรพคุณ ทางยามากมาย
ซึ่งปัจจุบันนิยมนำมาแปรรูปเพื่อบริโภคอย่างแพร่หลาย
เพื่อนที่ทำงานเขาหมัก เอาไว้แล้วนำมาให้กิน กลิ่นแบบว่าเหลือรับประทาน แต่ทานแล้วดี
เพราะเขาไม่ได้แต่งกลิ่นอย่างที่เขาขายกันในท้องตลาด เขาบอกว่ากินแล้วประจำเดือน
ที่มาแบบ กระปริบกระปรอยและปวดท้องเมนส์ นั้นหายขาด หน้าใส สิวฝ้าไม่เป็น
เขากินตอนครั้งแรกบอกว่าปวดท้องน้อยมากเพราะตอนสาวๆ ชอบปวดท้องเมนส์ แต่หลังจากนั้น
ไม่มีอาการเลย และประจำเดือนก็มาแบบว่าอย่างเยอะ ขับออกมาเป็นลิ่มเลือดข้นๆ ดำๆ หนืดๆ
น่ากลัว เสียนี่กระไร ไอ้เราก็สนใจเพราะเป็นฝ้าอยู่แล้ว เมนส์ก็มาน้อยๆ แต่ไม่ปวดท้องดีไปอย่าง
เขาเลยเอาสูตรที่เขาได้มาและทำแล้วให้เราทำบ้าง เอาก็เอา ลูกยอก็มี (บ้านแม่ยาย)
ไม่ต้องไปหา เก็บเล็กผสมน้อยกันไป ดองใส่ขวดเล็กๆบ้าง หรือมีมากก็ใส่ขวดใหญ่ๆไป
ถ้าลูกยอผลแตกก็ห้ามนำมาทำน้ำหมักหรือนำมารับประทาน
เพราะจะทำให้ไตวายเฉียบพลันและตายได้
น้ำหมักชีวภาพลูกยอ
วัตถุดิบ
ผลลูกยอแก่ 3 กิโลกรัม
น้ำเปล่า 1 ลิตร หรือไม่ใส่ก็ได้
วิธีการหมักลูกยอ
1 : ล้างลูกยอให้สะอาด ผึ่งไว้สักครู่ นำลูกยอใส่ถัง หรือขวดโหล สำหรับหมัก
หรือถ้าหมักไม่มาก ก็ต้องหมักเป็นชั้นๆคือใส่ลูกยอแล้วโรยน้ำตาลลงไป เพื่อจะให้ทั่วถึง
(บางคนไม่เติมน้ำ เช่นเพื่อนของผู้เขียนและผู้เขียน) แต่อัตราส่วนเหมือนเดิม คือ ใช้ลูกยอและน้ำตาล
ก่อนนำไปบริโภคต้องมีการปรุงเสียก่อน เช่นเติมน้ำผึ้ง เกลือ เพื่อเจือจางกลิ่นนำเอาผลลูกยอ
ออกเสียก่อนให้เหลือแต่น้ำ แล้วนำมารับประทานได้ หรือถ้าเสียดาย ก็เติมน้ำ เติมน้ำตาล
หมักไว้อีก 3 เดือน ก็จะได้น้ำลูกยอ ที่รสชาดพอดี กลิ่นไม่แรง
ถ้าวางไว้ในที่ร่มไม่โดนแสงแดงหรือแสงไฟ จะได้สีน้ำตาลอย่างนี้และหอมแบบน้ำตาลไหม้อ่อน
************************
ถ้าบางคนเมื่อได้หมักไว้ไปก่อนแล้ว มีลูกยอเพิ่มมาใหม่ ให้ชั่งสัดส่วนแล้วใส่ในถังหมักเดิมได้ ปิดไว้ดั่งเดิม
นี่จากผู้รู้อีกสูตร ดังนี้ มีเพื่อนดีๆ ก็ดีอย่างนี้แหละค่า แบ่งปันความรู้ให้กัน
นำลูกยอ 1 ส่วน
น้ำตาลทรายแดง ส่วน (เคี่ยว ให้เป็นเหมือนน้ำเชื่อมก่อน)
ไหหรือภาชนะใดๆ ที่ใช้ในการหมัก
- นำลูกยอมาจัดเรี่ยงในภาชนะนั้นแล้วนำน้ำเชื่อมมาใส่ให้ท่วมลูกยอแล้วปิดภาชนะนั้น
ด้วยพลาสติก ให้มิดชิดตั้งไว้ในที่ร่มประมาณ 3 เดือน
ถ้าจะให้ดีที่สุด 1 ปี ครบกำหนดแล้วนำทั้งน้ำทั้งลูกยอมากรองด้วยผ้าขาวบางสักครั้ง
จะได้น้ำลูกยอไว้รับประทาน ตอนนี้แหละที่ต้องนำน้ำผึ้งมาผสมเก็บไว้รับประทานนานๆ
น้ำลูกยอที่ได้ตามเวลา สีจะขุ่นข้นคล้ำๆ
วิธีดื่ม
ดื่มก่อนอาหาร จะช่วยทำให้เจริญอาหาร
ดื่มหลังอาหาร จะช่วยย่อยอาหาร ช่วยปรับธาตุ หากอาหารที่รับประทานสกปรกทำให้เราท้องเสีย
ก็จะช่วยรักษาให้ท้องเป็นปกติได้ โดยไม่ต้องพึ่งยาแผนปัจจุบันซึ่งเป็นสารเคมี หากอยู่ไกลหมอก็สามารถช่วยบรรเทาได้โดยไม่ต้องเดินทางไกล แต่หากอาการไม่ดีขึ้นก็รีบไปพบแพทย์
ดื่มเมื่อปวดท้องเมนส์ ให้ดื่มตอนวันแรกที่เมนส์มา แค่ครั้งเดียว คือวันแรก ครั้งต่อไปก็เดือนต่อไป
ลูกยอ เป็นที่รู้จักกันดีในแถบหมู่เกาะโพลีเนเซี่ยนและฮาวาย
ในชื่อ โนนิ (Noni) เป็นพืชพื้นเมือง ในประเทศเขตร้อน
มีชื่อเรียกตามท้องถิ่นว่า ยอ ยอบ้านมะตาเสือ
มีดอกแก่เป็นช่อ ออกที่ซอกใบ ผลอ่อนมีสีเขียวสด
มีตาเป็นปุ่มรอยตัว
เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีขาวนวลอมส้ม อ่อนนุ่ม มีกลิ่นฉุน
ภายในมีเมล็ดสีน้ำตาลเข้มเป็นจำนวนมาก
ใบยอ อุดมไปด้วยแคลเซียม โดยมีแคลเซียมสูงพอๆ กับผักคะน้า
ใบยอต้มสัก 2 ช้อนโต๊ะ ให้แคลเซียมสูงพอๆ กับนมหนึ่งแก้วหรือ
สูงถึง 400 มิลลิกรัม นอกจากแคลเซียมสูงแล้ว
ใบยอ รวมไปถึงลูกยอ ยังมีฟอสฟอรัสค่อนข้างสูง
ทั้งใบยอและน้ำลูกยอ จึงนำมาใช้บำรุงกระดูกได้ค่อนข้างดี
สำหรับวิตามินนั้น ในใบยอรวมไปถึงลูกยอ มีสารเบต้าแคโรทีนสูง
สารตัวนี้เป็นสารก่อวิตามินเอและยังเป็นสารต้านออกซิเดชั่น
ช่วยทำลายอนุมูลอิสระอีกด้วย
ประโยชน์ทางการแพทย์และช่วยดูแลสุขภาพของยอ
จากผลการวิจัยในต่างประเทศแสดงให้เห็นว่าการทานลูกยอหรือน้ำลูกยอธรรมชาติ อย่างสม่ำเสมอ
จะช่วยเสริมภูมิต้านทาน โดยการควบคุมการทำงานของเซล การกระตุ้นให้สร้างเซลใหม่ทดแทน
เซลเดิม ที่ถูกทำลายไป
ดังนั้นลูกยอจึงช่วยเยียวยาร่างกายพร้อมกับสามารถใช้ลูกยอทานร่วมกับการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน โดยการไปเสริมให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น
เมื่อในการใช้ดูแลสุขภาพร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ให้ลองทานที่ละน้อยและค่อยๆเพิ่มขึ้นและสามารถ
ลดยาแผนปัจจุบันให้น้อยลงได้ จากรายงานการวิจัย พบว่ามีผลข้างเคียงน้อยมาก โดยมี 5% เท่านั้น
สรรพคุณ ในการบำบัดดูแลผู้ที่เป็น โรคความดันโลหิตสูง
ซึ่งสารสำคัญในลูกยอ คือ สโคโปเลติน สารตัวนี้จะมีฤทธิ์ไปช่วยขยายหลอดเลือด ให้ความยืดหยุ่น
ผลคือทำให้ระดับของความดันโลหิตเริ่มลดลง
สารสำคัญอีกตัวหนึ่งก็คือ โปรเซอโรนีน โดยเมื่อเข้าสู่ร่างกายโปรเซอโรนีนจะถูก
เซลล์ในร่างกายเปลี่ยนไปเป็น เซอโรนีน ซึ่งมีผลทางบวกต่อเซลในร่างกาย
โดยการควบคุมปฏิกริยาต่างๆในร่างกายในบริเวณที่มีการอักเสบให้ลดลงจนเป็น ปกติได้ดีขึ้น
โดยเป็นไปได้ที่เซอโรนีนอาจไปป้องกันมิให้ เปปไทด์ ที่กระตุ้นการอักเสบ
ไปจับตัวกับโปรตีนโดยเฉพาะนี่เอง ทำให้สามารถลดการอักเสบ ปวดบวม ลงได้
องค์ประกอบสำคัญในการสร้างเซอโรนีนในร่างกายจะประกอบด้วย โปรเซอโรนีน เอ็มไซม์โปร
เซอโนเนส และเซโรโทนิน โดยปกติแล้วร่างกายจะสามารถสร้างเวอโรนีนได้เอง
แต่ในปริมาณจำกัด โดย ตับ จะเป็นตัวสะสมโปรเซอโรนีนทุก 2 ชั่วโมง โดยคำสั่งจากสมอง
มาที่ตับ จะกระตุ้นให้ตับปล่อยโปรเซอโรนีนออกมา เซลของอวัยวะต่างๆของร่างกายจะดูดซับ
เอาไว้และ เปลี่ยนให้เป็นเซอโรนีนตามที่ ต้องการ
ดังนั้นความผิดปกติในการทำงานของเซลก็จะต้องอาศัย หรือขึ้นอยู่กับปริมาณของโปรเซอโรนีน
โดยปกติร่างกายจะไม่มีปัญหาอย่างใดจนกว่าร่างกายจะตกอยู่ในภาวะที่ต้องการเซอโรนีน
จำนวนมาก เช่น ภาวะเครียด เป็นเวลานาน ปัญหาสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ ภาวะการเริ่มมี
การเปลี่ยนแปลงของเซลก่อนกลายไปเป็นเซลมะเร็ง การติดเชื้อรา การได้รับสารพิษเป็นระยะเวลา
นาน (เช่นกลุ่มที่ได้รับสารพิษจากการทำงานเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้เกิดภาวะผิดปกติฤอย่างไม่ทราบสาเหตุเรื้อรัง)
ภาวะต่างๆข้างต้นหรือจากหลายๆปัจจัยร่วมกัน จะส่งผลให้เซลร่างกายต้องการเซอโรนีนเพิ่มมากขึ้น
แต่เนื่องจากตับที่ทำหน้าที่ผลิตสารตั้งต้นโปรเซอโรนีนได้ในปริมาณจำกัด อาจไม่เพียงพอกับ
ความต้องการของร่างกาย ส่งผลให้เกิดความผิดปกติเกิดขึ้น
ดังนั้นจากการวิจัย ผลยอ หรือน้ำสกัดลูกยอ เข้มข้น จึงมีประโยชน์อย่างมาก
เพราะในลูกยอ จะมี สารโปรเซอโรนีน ประกอบอยู่เป็นจำนวนมาก
คุณค่าของลูกยออีกประการหนึ่งมาจาก ความเกี่ยวข้องกับ สารเซโรโทนินคือ มีความสามารถ
ในการจับยึดกับสารเซโรโทนินได้ดี โดยสารเซโรโทนินเมื่อใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า หรือ
ผู้ป่วย ปวดศีรษะไมเกรน จะมีอาการดีขึ้น
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เซโรโทนิน เป็นสารตัวหนึ่งในขบวนการชีวสังเคราะห์เพื่อให้ได้
อัลคาลอยด์ที่เรียกว่า เซอโรนีน ซึ่งมีประโยชน์ต่อการบำบัดดูแลรักษาระบบของร่างกายคือ
- ภาวะปรวนแปรของพละกำลัง เช่นการขาดพละ กำลังแห่งชีวิต ส่งผลให้เกิดความเครียด
ก่อให้เกิดภาวะโรคเบื่อหน่าย/เซ็งเรื้อรัง
- โรคภูมิแพ้ตนเอง เช่นโรคเอส แอล อี โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคสะเก็ดเงิน
โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ต่อมไทรอยด์อักเสบ โรคลำไส้อักเสบแบบโครห์น ลูปัส อีริธีมาโตซัส
- ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่นโรคติดเชื้อไวรัส HIV และเอปสไตน์ บาร์ ไวรัส โรคเชื้อราแคนดิดา
- การติดเชื้อเฮอร์ปีส์ ชนิดที่ 1 และ 2 ตับอักเสบเรื้อรัง การอักเสบในช่องเชิงกราน ตับอ่อนอักเสบ กลุ่มอาการหลังติดเชื้อไวรัส ต่อมใทรอยด์อักเสบ ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา
- ช่วยลดภาวะการหลั่งเกินของเยื่อเมือก เช่นโรคไซนัสอักเสบ หอบหืด หลอดลมอักเสบ
และน้ำมูก ไหลเรื้อรัง
- การปรับลดภาวะการหลั่งของน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมากเกิน ทำให้ช่วยลดปัญหาแผลใน กระเพาะอาหารและลำไส้ เล็กส่วนต้น กระเพาะอาหารอักเสบ
- ช่วยการทำงานของต่อมใต้สมองดีขึ้น ต่อมนี้จะทำหน้าที่ผลิต เซโรโทนิน ซึ่งจะไปเปลี่ยนไป
เป็น เมลาโทนิน โดยเมลาโทนินนี้จะเป็นตัวช่วยการนอนหลับให้เป็นปกติ ช่วย ควบคุมอุณหภูมิร่างกาย อารมณ์ ให้เกิดความสมดุล
- ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือด
- บรรเทาอาการผิดปกติ อาการปวดก่อนประจำเดือนมา
สรรพคุณพื้นบ้านของไทยตามตำรับยาแผนโบราณ ยอ เป็นกลุ่มยาร้อน ใข้แก้อาการมือเท้าตาย
ยอ เหมาะกับคนที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ปวดตามข้อ ช่วยแก้โรคหวัดมีฤทธิ์เพิ่มภูมิต้านทาน
โดยเฉพาะผลยอ จะช่วยแก้อาเจียน ขับลม บำรุงธาตุ โดยการใช้ผลยอที่ไม่สุกหรือดิบเกินไป
หั่นปิ้งไฟพอเหลืองกรอบ ต้มเอาน้ำเป็นกระสาย หรีอต้มชงดื่มเอาน้ำที่ได้จิบที่ละน้อยแต่บ่อยครั้ง
ผลสุกช่วยขับระดู ผลดิบมีคุณสมบัติในการรักษาโรคเหงือก น้ำคั้นบรรเทาอาการเจ็บคอ
ลูกยอประกอบด้วยกลุ่มสารสำคัญคือ โมโนเทอร์ปีน ได้แก่ Asperuloside และยังมี
* เบต้าคาโรทีน มีสารหอมระเหยซึ่งส่วนมากเป็นสารกรดคาร์บอกซีลิค เช่น กรดอ็อกทาโนอิค
กรดเฮกซาโนอิค เป็นต้น
ลูกยอสุก เป็นยาขับผายลมในลำไส้ได้ดีมาก
วิธีปรุง นำลูกยอดิบที่ยังเขียวอยู่ แต่เมล็ดข้างในแข็งแล้ว โดยทั่วไปจะเอาลูกยอทั้งลูกเผาบนถ่านไฟโดยใช้ไฟอ่อนๆ กะว่าผิวนอกไหม้ดำเป็นถ่าน ข้างในเหลืองกรอบพอดี
ถ้าเผาไม่ถึงที่จะมีรสขื่น หรือไม่มีเตาถ่านให้เอาลูกยอมาหั่นเป็นแว่นบางๆแล้วคั่วทั้งสดๆโดยใช้ไฟ อ่อนๆเช่นกันโดยคั่วให้เหลืองกรอบ จากนั้นนำมาต้มหรือชงกับน้ำร้อน
โดยใช้ลูกยอ 1 ลูกต่อน้ำ 1 แก้ว โดยจะใช้วิธีชงทิ้งไว้สักพัก 5 นาที
ข้อสำคัญควรดื่มน้ำลูกยอนี้ในขณะที่ยังร้อนหรืออุ่นๆ
วิธีรับประทาน
1. ให้จิบทีละนิดไปเรื่อยๆ เพราะในคนที่อาเจียนรับประทานอะไรเข้าไปมากๆไม่ได้อยู่แล้ว
เมื่อจิบไปเรื่อยๆ จะช่วยให้อาการคลื่นไส้อาเจียนลดลงจนหาย
2. รับประทานลูกสุกเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด เพียงแต่นำลูกยอที่สุกงอมมาจิ้มเกลือน้ำตาลรับประทาน
แต่ก็จะยากสำหรับผู้ที่ไม่ชอบกลิ่นลูกยอ
3. รับประทานลูกดิบแก่ๆ เป็นการหลีกเลี่ยงกลิ่นเหม็นของลูกยอคือเอาลูกยอดิบที่แก่
ที่เม็ดข้างในแข็งแล้ว นำมาฝานเป็นชิ้น บางๆ นำมาจิ้มเกลือ
หรือเอามายำหรือตำเป็นแบบส้มตำใช้แทนมะละกอ
4. หากต้องการทำเก็บไว้กินนานๆ ให้นำลูกยอแก่ มาฝานเป็นแว่นบางๆตากแดดให้แห้ง
บดเป็นผง ให้ละเอียด เวลาใช้นำมาชงละลาย ในน้ำร้อนหรือปั้นผสมกับน้ำผึ่งรับประทาน
ใช้ครั้งละ 1-2 ช้อนชา หรือ 1-2 เม็ดหลังอาหาร
ปัจจุบันมีการผลิตบรรจุอยู่ในแคปซูล เก็บไว้ได้นานและพร้อมรับประทานง่ายๆ
5. น้ำลูกยอ (Noni) เพื่อให้ได้ประโยชน์และสรรพคุณที่หลากหลายของยอ เพื่อช่วยให้การบริโภค
ที่สะดวกขึ้นจึงมีการผลิตออกมาเป็นน้ำลูกยอ ซึ่งสามารถช่วยดูแลสุขภาพและรักษาโรคต่างๆ
จากการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์พบว่า น้ำลูกยอสามารถช่วยกระตุ้นภูมิต้านทาน
ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลมะเร็ง ควบคุมการทำงานของเซลให้เป็นปกติ ช่วยรักษาโรคและ
อาการไม่ปกติอื่นๆของร่างกายได้อีกด้วยเหตุที่น้ำลูกยอมี ประโยชน์ช่วยในการดูแลรักษาโรคได้
เพราะในน้ำลูกยอที่สกัดตามธรรมชาติมีสารอาหารครบถ้วน เช่น อมิโนแอซิด คาร์โบไฮเดรต
ไขมัน วิตามินและแร่ธาตุต่างซึ่งองค์ประกอบ
เหล่านี้มีบทบาทสำคัญต่อกลไกของการ สร้างเซลการผลิตพลังงานของร่างกาย
นอกจากจะมีประโยชน์จัดได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแล้ว ยังจัดเป็นกลุ่มไฟโตสเตียรอล
ซึ่งร่างกายนำไปใช้ช่วยเสริมในการผลิตฮอร์โมนซึ่งจำเป็นในการควบคุมกลไกการ ทำงานของ
ระบบต่างๆในร่างกายให้เป็นปกติอีกด้วย
ในปัจจุบันน้ำลูกยอถูกจัดว่าเป็นอาหารเสริมที่ดีมาก เพราะจากประโยชน์ดังกล่าวข้างต้นแล้ว
ในลูกยอ มีสารแอลคาลอยด์ที่เรียกว่าสาร เซอโรนีน ซึ่งมีความสำคัญในการทำงานของโปรตีนในร่างกาย ระดับปกติของเซอโรนีนในวันเด็กหรือวัยหนุ่มสาวมีจำนวนไม่มากและจะเริ่มลดลง
ไปอีกเมื่ออายุมากขึ้น เมื่อระดับของเซอโรนีนลดลง เซลต่างๆในร่างกายก็เริ่มทำงานผิดปกติไป
ดังนั้นจึงแนะนำให้ผู้สูงอายุ ผู้ที่ทำงานหนัก มีภาวะเครียดสูง บริโภคน้ำลูกยอเป็นประจำ
ท่านจะพบว่าร่างกายจะเริ่มสดชื่นแข็งแรงมากขึ้น ความเจ็บป่วยต่างๆจะค่อยๆทุเลาลง
เนื่องจาก น้ำลูกยอจะไปช่วยเพิ่มระดับเซอโรนีน เพื่อชดเชยส่วนที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
เมื่อมีความสำคัญของลูกยอและมีการขยายตัวในการใช้ลูกยอเพิ่มมากขึ้น จนกลายเป็นสมุนไพร
ที่ต่างชาติต้องการ ที่จะนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แล้วส่งกลับเข้ามาจำหน่าย
ในเมืองไทยในราคาสูง หรือแม้แต่ผู้ผลิตในบ้านเราเพื่อเร่งให้ทันต่อความต้องการ
หลายผลิตภัณฑ์จะใช้ตัวเร่งในการหมักให้เร็วขึ้น ทำให้ได้ปริมาณแอลกอฮอล์ปนเข้ามาใน
ปริมาณสูง (คล้ายไวน์) ทำให้ผู้บริโภคที่ดูแลสุขภาพต้องได้รับแอลกอฮอล์เข้าไปด้วย
ในรายที่แพ้การดื่มน้ำลูกยอส่วนหนึ่งมาจากการแพ้แอลกอฮอล์ด้วย เช่น เป็นผื่นร้อนวูบวาบ หน้าแดง หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ เป็นต้น ท่านควรเลือกชนิดที่ไม่มีแอลกอฮอล์หรือมีให้น้อยที่สุดหรือเลือกทาน
เป็นแบบ แคปซูลไปเลย
ดื่มหลังอาหาร จะช่วยย่อยอาหาร ช่วยปรับธาตุ หากอาหารที่รับประทานสกปรกทำให้เราท้องเสีย
ก็จะช่วยรักษาให้ท้องเป็นปกติได้ โดยไม่ต้องพึ่งยาแผนปัจจุบันซึ่งเป็นสารเคมี หากอยู่ไกลหมอก็สามารถช่วยบรรเทาได้โดยไม่ต้องเดินทางไกล แต่หากอาการไม่ดีขึ้นก็รีบไปพบแพทย์
ดื่มเมื่อปวดท้องเมนส์ ให้ดื่มตอนวันแรกที่เมนส์มา แค่ครั้งเดียว คือวันแรก ครั้งต่อไปก็เดือนต่อไป
ประโยชน์ของพืชที่ชื่อว่า ยอ จาก-วิกิพีเดีย ว่าไว้ว่า
ยอ (ชื่อวิทยาศาสตร์ Morinda citrifolia Linn.)
จัดได้ว่าเป็นพืชสมุนไพรที่มีค่ามาก
ทั้งในแง่ของการใช้เป็นอาหารละเป็นทั้งยาลูกยอป่าหรือยอเถื่อน |
ในชื่อ โนนิ (Noni) เป็นพืชพื้นเมือง ในประเทศเขตร้อน
มีชื่อเรียกตามท้องถิ่นว่า ยอ ยอบ้านมะตาเสือ
มีดอกแก่เป็นช่อ ออกที่ซอกใบ ผลอ่อนมีสีเขียวสด
มีตาเป็นปุ่มรอยตัว
เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีขาวนวลอมส้ม อ่อนนุ่ม มีกลิ่นฉุน
ภายในมีเมล็ดสีน้ำตาลเข้มเป็นจำนวนมาก
ใบยอบ้าน ใบจะใหญ่ |
ใบยอ อุดมไปด้วยแคลเซียม โดยมีแคลเซียมสูงพอๆ กับผักคะน้า
ใบยอต้มสัก 2 ช้อนโต๊ะ ให้แคลเซียมสูงพอๆ กับนมหนึ่งแก้วหรือ
สูงถึง 400 มิลลิกรัม นอกจากแคลเซียมสูงแล้ว
ใบยอ รวมไปถึงลูกยอ ยังมีฟอสฟอรัสค่อนข้างสูง
ทั้งใบยอและน้ำลูกยอ จึงนำมาใช้บำรุงกระดูกได้ค่อนข้างดี
สำหรับวิตามินนั้น ในใบยอรวมไปถึงลูกยอ มีสารเบต้าแคโรทีนสูง
สารตัวนี้เป็นสารก่อวิตามินเอและยังเป็นสารต้านออกซิเดชั่น
ช่วยทำลายอนุมูลอิสระอีกด้วย
ประโยชน์ทางการแพทย์และช่วยดูแลสุขภาพของยอ
จากผลการวิจัยในต่างประเทศแสดงให้เห็นว่าการทานลูกยอหรือน้ำลูกยอธรรมชาติ อย่างสม่ำเสมอ
จะช่วยเสริมภูมิต้านทาน โดยการควบคุมการทำงานของเซล การกระตุ้นให้สร้างเซลใหม่ทดแทน
เซลเดิม ที่ถูกทำลายไป
ดังนั้นลูกยอจึงช่วยเยียวยาร่างกายพร้อมกับสามารถใช้ลูกยอทานร่วมกับการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน โดยการไปเสริมให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น
เมื่อในการใช้ดูแลสุขภาพร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ให้ลองทานที่ละน้อยและค่อยๆเพิ่มขึ้นและสามารถ
ลดยาแผนปัจจุบันให้น้อยลงได้ จากรายงานการวิจัย พบว่ามีผลข้างเคียงน้อยมาก โดยมี 5% เท่านั้น
สรรพคุณ ในการบำบัดดูแลผู้ที่เป็น โรคความดันโลหิตสูง
ซึ่งสารสำคัญในลูกยอ คือ สโคโปเลติน สารตัวนี้จะมีฤทธิ์ไปช่วยขยายหลอดเลือด ให้ความยืดหยุ่น
ผลคือทำให้ระดับของความดันโลหิตเริ่มลดลง
สารสำคัญอีกตัวหนึ่งก็คือ โปรเซอโรนีน โดยเมื่อเข้าสู่ร่างกายโปรเซอโรนีนจะถูก
เซลล์ในร่างกายเปลี่ยนไปเป็น เซอโรนีน ซึ่งมีผลทางบวกต่อเซลในร่างกาย
โดยการควบคุมปฏิกริยาต่างๆในร่างกายในบริเวณที่มีการอักเสบให้ลดลงจนเป็น ปกติได้ดีขึ้น
โดยเป็นไปได้ที่เซอโรนีนอาจไปป้องกันมิให้ เปปไทด์ ที่กระตุ้นการอักเสบ
ไปจับตัวกับโปรตีนโดยเฉพาะนี่เอง ทำให้สามารถลดการอักเสบ ปวดบวม ลงได้
องค์ประกอบสำคัญในการสร้างเซอโรนีนในร่างกายจะประกอบด้วย โปรเซอโรนีน เอ็มไซม์โปร
เซอโนเนส และเซโรโทนิน โดยปกติแล้วร่างกายจะสามารถสร้างเวอโรนีนได้เอง
แต่ในปริมาณจำกัด โดย ตับ จะเป็นตัวสะสมโปรเซอโรนีนทุก 2 ชั่วโมง โดยคำสั่งจากสมอง
มาที่ตับ จะกระตุ้นให้ตับปล่อยโปรเซอโรนีนออกมา เซลของอวัยวะต่างๆของร่างกายจะดูดซับ
เอาไว้และ เปลี่ยนให้เป็นเซอโรนีนตามที่ ต้องการ
ดังนั้นความผิดปกติในการทำงานของเซลก็จะต้องอาศัย หรือขึ้นอยู่กับปริมาณของโปรเซอโรนีน
โดยปกติร่างกายจะไม่มีปัญหาอย่างใดจนกว่าร่างกายจะตกอยู่ในภาวะที่ต้องการเซอโรนีน
จำนวนมาก เช่น ภาวะเครียด เป็นเวลานาน ปัญหาสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ ภาวะการเริ่มมี
การเปลี่ยนแปลงของเซลก่อนกลายไปเป็นเซลมะเร็ง การติดเชื้อรา การได้รับสารพิษเป็นระยะเวลา
นาน (เช่นกลุ่มที่ได้รับสารพิษจากการทำงานเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้เกิดภาวะผิดปกติฤอย่างไม่ทราบสาเหตุเรื้อรัง)
ภาวะต่างๆข้างต้นหรือจากหลายๆปัจจัยร่วมกัน จะส่งผลให้เซลร่างกายต้องการเซอโรนีนเพิ่มมากขึ้น
แต่เนื่องจากตับที่ทำหน้าที่ผลิตสารตั้งต้นโปรเซอโรนีนได้ในปริมาณจำกัด อาจไม่เพียงพอกับ
ความต้องการของร่างกาย ส่งผลให้เกิดความผิดปกติเกิดขึ้น
ดังนั้นจากการวิจัย ผลยอ หรือน้ำสกัดลูกยอ เข้มข้น จึงมีประโยชน์อย่างมาก
เพราะในลูกยอ จะมี สารโปรเซอโรนีน ประกอบอยู่เป็นจำนวนมาก
คุณค่าของลูกยออีกประการหนึ่งมาจาก ความเกี่ยวข้องกับ สารเซโรโทนินคือ มีความสามารถ
ในการจับยึดกับสารเซโรโทนินได้ดี โดยสารเซโรโทนินเมื่อใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า หรือ
ผู้ป่วย ปวดศีรษะไมเกรน จะมีอาการดีขึ้น
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เซโรโทนิน เป็นสารตัวหนึ่งในขบวนการชีวสังเคราะห์เพื่อให้ได้
อัลคาลอยด์ที่เรียกว่า เซอโรนีน ซึ่งมีประโยชน์ต่อการบำบัดดูแลรักษาระบบของร่างกายคือ
- ภาวะปรวนแปรของพละกำลัง เช่นการขาดพละ กำลังแห่งชีวิต ส่งผลให้เกิดความเครียด
ก่อให้เกิดภาวะโรคเบื่อหน่าย/เซ็งเรื้อรัง
- โรคภูมิแพ้ตนเอง เช่นโรคเอส แอล อี โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคสะเก็ดเงิน
โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ต่อมไทรอยด์อักเสบ โรคลำไส้อักเสบแบบโครห์น ลูปัส อีริธีมาโตซัส
- ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่นโรคติดเชื้อไวรัส HIV และเอปสไตน์ บาร์ ไวรัส โรคเชื้อราแคนดิดา
- การติดเชื้อเฮอร์ปีส์ ชนิดที่ 1 และ 2 ตับอักเสบเรื้อรัง การอักเสบในช่องเชิงกราน ตับอ่อนอักเสบ กลุ่มอาการหลังติดเชื้อไวรัส ต่อมใทรอยด์อักเสบ ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา
- ช่วยลดภาวะการหลั่งเกินของเยื่อเมือก เช่นโรคไซนัสอักเสบ หอบหืด หลอดลมอักเสบ
และน้ำมูก ไหลเรื้อรัง
- การปรับลดภาวะการหลั่งของน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมากเกิน ทำให้ช่วยลดปัญหาแผลใน กระเพาะอาหารและลำไส้ เล็กส่วนต้น กระเพาะอาหารอักเสบ
- ช่วยการทำงานของต่อมใต้สมองดีขึ้น ต่อมนี้จะทำหน้าที่ผลิต เซโรโทนิน ซึ่งจะไปเปลี่ยนไป
เป็น เมลาโทนิน โดยเมลาโทนินนี้จะเป็นตัวช่วยการนอนหลับให้เป็นปกติ ช่วย ควบคุมอุณหภูมิร่างกาย อารมณ์ ให้เกิดความสมดุล
- ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือด
- บรรเทาอาการผิดปกติ อาการปวดก่อนประจำเดือนมา
สรรพคุณพื้นบ้านของไทยตามตำรับยาแผนโบราณ ยอ เป็นกลุ่มยาร้อน ใข้แก้อาการมือเท้าตาย
ยอ เหมาะกับคนที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ปวดตามข้อ ช่วยแก้โรคหวัดมีฤทธิ์เพิ่มภูมิต้านทาน
โดยเฉพาะผลยอ จะช่วยแก้อาเจียน ขับลม บำรุงธาตุ โดยการใช้ผลยอที่ไม่สุกหรือดิบเกินไป
หั่นปิ้งไฟพอเหลืองกรอบ ต้มเอาน้ำเป็นกระสาย หรีอต้มชงดื่มเอาน้ำที่ได้จิบที่ละน้อยแต่บ่อยครั้ง
ผลสุกช่วยขับระดู ผลดิบมีคุณสมบัติในการรักษาโรคเหงือก น้ำคั้นบรรเทาอาการเจ็บคอ
ลูกยอประกอบด้วยกลุ่มสารสำคัญคือ โมโนเทอร์ปีน ได้แก่ Asperuloside และยังมี
* เบต้าคาโรทีน มีสารหอมระเหยซึ่งส่วนมากเป็นสารกรดคาร์บอกซีลิค เช่น กรดอ็อกทาโนอิค
กรดเฮกซาโนอิค เป็นต้น
ลูกยอสุก เป็นยาขับผายลมในลำไส้ได้ดีมาก
วิธีปรุง นำลูกยอดิบที่ยังเขียวอยู่ แต่เมล็ดข้างในแข็งแล้ว โดยทั่วไปจะเอาลูกยอทั้งลูกเผาบนถ่านไฟโดยใช้ไฟอ่อนๆ กะว่าผิวนอกไหม้ดำเป็นถ่าน ข้างในเหลืองกรอบพอดี
ถ้าเผาไม่ถึงที่จะมีรสขื่น หรือไม่มีเตาถ่านให้เอาลูกยอมาหั่นเป็นแว่นบางๆแล้วคั่วทั้งสดๆโดยใช้ไฟ อ่อนๆเช่นกันโดยคั่วให้เหลืองกรอบ จากนั้นนำมาต้มหรือชงกับน้ำร้อน
โดยใช้ลูกยอ 1 ลูกต่อน้ำ 1 แก้ว โดยจะใช้วิธีชงทิ้งไว้สักพัก 5 นาที
ข้อสำคัญควรดื่มน้ำลูกยอนี้ในขณะที่ยังร้อนหรืออุ่นๆ
วิธีรับประทาน
1. ให้จิบทีละนิดไปเรื่อยๆ เพราะในคนที่อาเจียนรับประทานอะไรเข้าไปมากๆไม่ได้อยู่แล้ว
เมื่อจิบไปเรื่อยๆ จะช่วยให้อาการคลื่นไส้อาเจียนลดลงจนหาย
2. รับประทานลูกสุกเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด เพียงแต่นำลูกยอที่สุกงอมมาจิ้มเกลือน้ำตาลรับประทาน
แต่ก็จะยากสำหรับผู้ที่ไม่ชอบกลิ่นลูกยอ
3. รับประทานลูกดิบแก่ๆ เป็นการหลีกเลี่ยงกลิ่นเหม็นของลูกยอคือเอาลูกยอดิบที่แก่
ที่เม็ดข้างในแข็งแล้ว นำมาฝานเป็นชิ้น บางๆ นำมาจิ้มเกลือ
หรือเอามายำหรือตำเป็นแบบส้มตำใช้แทนมะละกอ
4. หากต้องการทำเก็บไว้กินนานๆ ให้นำลูกยอแก่ มาฝานเป็นแว่นบางๆตากแดดให้แห้ง
บดเป็นผง ให้ละเอียด เวลาใช้นำมาชงละลาย ในน้ำร้อนหรือปั้นผสมกับน้ำผึ่งรับประทาน
ใช้ครั้งละ 1-2 ช้อนชา หรือ 1-2 เม็ดหลังอาหาร
ปัจจุบันมีการผลิตบรรจุอยู่ในแคปซูล เก็บไว้ได้นานและพร้อมรับประทานง่ายๆ
5. น้ำลูกยอ (Noni) เพื่อให้ได้ประโยชน์และสรรพคุณที่หลากหลายของยอ เพื่อช่วยให้การบริโภค
ที่สะดวกขึ้นจึงมีการผลิตออกมาเป็นน้ำลูกยอ ซึ่งสามารถช่วยดูแลสุขภาพและรักษาโรคต่างๆ
จากการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์พบว่า น้ำลูกยอสามารถช่วยกระตุ้นภูมิต้านทาน
ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลมะเร็ง ควบคุมการทำงานของเซลให้เป็นปกติ ช่วยรักษาโรคและ
อาการไม่ปกติอื่นๆของร่างกายได้อีกด้วยเหตุที่น้ำลูกยอมี ประโยชน์ช่วยในการดูแลรักษาโรคได้
เพราะในน้ำลูกยอที่สกัดตามธรรมชาติมีสารอาหารครบถ้วน เช่น อมิโนแอซิด คาร์โบไฮเดรต
ไขมัน วิตามินและแร่ธาตุต่างซึ่งองค์ประกอบ
เหล่านี้มีบทบาทสำคัญต่อกลไกของการ สร้างเซลการผลิตพลังงานของร่างกาย
นอกจากจะมีประโยชน์จัดได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแล้ว ยังจัดเป็นกลุ่มไฟโตสเตียรอล
ซึ่งร่างกายนำไปใช้ช่วยเสริมในการผลิตฮอร์โมนซึ่งจำเป็นในการควบคุมกลไกการ ทำงานของ
ระบบต่างๆในร่างกายให้เป็นปกติอีกด้วย
ในปัจจุบันน้ำลูกยอถูกจัดว่าเป็นอาหารเสริมที่ดีมาก เพราะจากประโยชน์ดังกล่าวข้างต้นแล้ว
ในลูกยอ มีสารแอลคาลอยด์ที่เรียกว่าสาร เซอโรนีน ซึ่งมีความสำคัญในการทำงานของโปรตีนในร่างกาย ระดับปกติของเซอโรนีนในวันเด็กหรือวัยหนุ่มสาวมีจำนวนไม่มากและจะเริ่มลดลง
ไปอีกเมื่ออายุมากขึ้น เมื่อระดับของเซอโรนีนลดลง เซลต่างๆในร่างกายก็เริ่มทำงานผิดปกติไป
ดังนั้นจึงแนะนำให้ผู้สูงอายุ ผู้ที่ทำงานหนัก มีภาวะเครียดสูง บริโภคน้ำลูกยอเป็นประจำ
ท่านจะพบว่าร่างกายจะเริ่มสดชื่นแข็งแรงมากขึ้น ความเจ็บป่วยต่างๆจะค่อยๆทุเลาลง
เนื่องจาก น้ำลูกยอจะไปช่วยเพิ่มระดับเซอโรนีน เพื่อชดเชยส่วนที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
เมื่อมีความสำคัญของลูกยอและมีการขยายตัวในการใช้ลูกยอเพิ่มมากขึ้น จนกลายเป็นสมุนไพร
ที่ต่างชาติต้องการ ที่จะนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แล้วส่งกลับเข้ามาจำหน่าย
ในเมืองไทยในราคาสูง หรือแม้แต่ผู้ผลิตในบ้านเราเพื่อเร่งให้ทันต่อความต้องการ
หลายผลิตภัณฑ์จะใช้ตัวเร่งในการหมักให้เร็วขึ้น ทำให้ได้ปริมาณแอลกอฮอล์ปนเข้ามาใน
ปริมาณสูง (คล้ายไวน์) ทำให้ผู้บริโภคที่ดูแลสุขภาพต้องได้รับแอลกอฮอล์เข้าไปด้วย
ในรายที่แพ้การดื่มน้ำลูกยอส่วนหนึ่งมาจากการแพ้แอลกอฮอล์ด้วย เช่น เป็นผื่นร้อนวูบวาบ หน้าแดง หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ เป็นต้น ท่านควรเลือกชนิดที่ไม่มีแอลกอฮอล์หรือมีให้น้อยที่สุดหรือเลือกทาน
เป็นแบบ แคปซูลไปเลย
ประโยชน์ของน้ำหมักลูกยอ สำหรับพืชและสัตว์
- ใช้แช่พืชผัก หรือ ล้างผัก เพื่อฆ่าเชื้อโรค และล้างสารเคมีตกค้าง
ในอัตราส่วน น้ำหมักลูกยอ 1 ช้อนโต๊ะ + น้ำ 5 ลิตร แช่ผักนาน 2-5 นาที
- ใช้ขับสารพิษในร่างกายของสัตว์เลี้ยง เช่น วัว ควาย หมู ในอัตรา น้ำหมักลูกยอ 5 ลิตร
กรอกปากสัตว์เลี้ยง ไม่เกิน 5 ชั่วโมง อาการจะดีขึ้น
- กำจัดกลิ่น และ ไล่แมลงวัน ในคอกสัตว์ได้อย่างดี โดยการราดน้ำหมักลูกยอให้ทั่วคอก ทุก 5 –7 วัน
สำหรับคน คนก็สามารถรับประทานน้ำหมักลูกยอได้
โดยเปลี่ยนสูตรจากกากน้ำตาลเป็นน้ำตาลทรายแดงแทน
- รับประทานวันละ 2 ช้อนโต๊ะ เพื่อเป็นการเพิ่มแคลเซียม และลดการปวดข้อปวดกระดูก
- สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวานได้ แต่ต้องรับประทานทุกวันต่อเนื่องอย่างน้อย 2 เดือน วันละ 2 ช้อนโต๊ะ
เรียบเรียงโดยบ้านบิวเบสท์
น้ำหมักนี้ เด็ก 4 ขวบ ทานได้ไหมคะ
ตอบลบ